ระบบการจัดการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา
มหาวิทยาลัยจัดการศึกษาโดยใช้ระบบทวิภาค โดย 1 ปีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษาปกติ 1 ภาค ภาคการศึกษาปกติมีระยะเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 15 สัปดาห์ มหาวิทยาลัยเปิดการศึกษาภาคฤดูร้อนกำหนดระยะเวลาและจำนวนหน่วยกิต โดยมีสัดส่วนเทียบเคียงกันได้กับการศึกษาภาคปกติ
มหาวิทยาลัยอาจจัดการศึกษาระบบอื่น โดยกำหนดรายละเอียดการเทียบเคียงหน่วยกิตกับระบบทวิภาคไว้ในหลักสูตรของสาขาวิชาต่าง ๆ
การคิดหน่วยกิต
- รายวิชาภาคทฤษฎี ที่ใช้เวลาบรรยายหรืออภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
- รายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้เวลาฝึกหรือทดลองไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
- การฝึกงานหรือการฝึกภาคสนาม ที่ใช้เวลาฝึกไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
- การทำโครงงานหรือกิจกรรมการเรียนอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมาย ที่ใช้เวลาทำโครงงานหรือกิจกรรมนั้นไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
- การค้นคว้าอิสระ ที่ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
- วิทยานิพนธ์ ที่ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
คุณสมบัติการเข้าเป็นนิสิต และการขึ้นทะเบียนนิสิต
ข้อ 1 คุณวุฒิของผู้เข้าศึกษา
1.1 ประกาศนียบัตรบัณฑิต จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
1.2 ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือปริญญาโท หรือเทียบเท่า
1.3 ปริญญาโท จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
1.4 ปริญญาเอก จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าที่มีผลการเรียนดีมาก หรือปริญญาโทหรือเทียบเท่า และมีผลการสอบภาษาอังกฤษได้ตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการการอุดมศึกษากำหนด
ข้อ 2 คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าเป็นนิสิต
2.1 เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย สามารถปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัยของสังคมและของมหาวิทยาลัยรวมถึงเป็นผู้ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสียร้ายแรง
2.2 ไม่เป็นโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหรือโรคติดต่อร้ายแรง
2.3 ไม่เคยต้องโทษในคดีอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และ/หรือ
2.4 มีคุณสมบัติอื่นตามที่หลักสูตรสาขาวิชาที่สมัครเข้าศึกษากำหนดสำหรับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่กำหนดให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา
ข้อ 3 การรับเข้าศึกษา
3.1 มหาวิทยาลัยจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามข้อ 11 และ 12 เข้า เป็นนิสิตโดยมีการทดสอบความรู้ อาจเป็นการสอบข้อเขียน การสอบสัมภาษณ์ หรือวิธีอื่นใดตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
3.2 ในกรณีที่ผู้สมัครกำลังรอผลการศึกษาระดับปริญญาขั้นใดขั้นหนึ่งอยู่ การรับเข้าศึกษาจะมีผลสมบูรณ์ เมื่อผู้สมัครได้แสดงหลักฐานว่าสำเร็จการศึกษาแล้วก่อนวันรายงานตัวเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยตามวัน เวลาที่กำหนด
ข้อ 4 การขึ้นทะเบียนนิสิต
4.1 ผู้ที่สมัครเข้าเป็นนิสิต จะมีสภาพเป็นนิสิตต่อเมื่อได้ขึ้นทะเบียนนิสิตพร้อมทั้งชำระค่าหน่วยกิต ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามวัน เวลาที่กำหนด
4.2 ผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้เข้าศึกษาตามประกาศของมหาวิทยาลัย จะต้องไปรายงานตัวเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตด้วยตนเองตามวันและเวลาที่กำหนด ผู้ที่ไม่อาจขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตตามวันและเวลาที่กำหนดจะต้องแจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์
4.3 ผู้ที่สมัครเข้าศึกษาจะขึ้นทะเบียนนิสิตในหลักสูตรเกินกว่าหนึ่งหลักสูตรในปีการศึกษาเดียวกันไม่ได้
ข้อ 5 ประเภทนิสิต
5.1 นิสิตสามัญ คือ บุคคลที่มหาวิทยาลัยรับเข้าเป็นนิสิตตามข้อ 13.1
5.2 นิสิตพิเศษ คือ ผู้ที่ประสงค์ขอเข้าศึกษาในรายวิชาที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย โดยไม่ขอรับปริญญาบัตร
5.3 นิสิตทดลองเรียน คือ ผู้ที่ไม่ผ่านบางเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด มหาวิทยาลัยอาจพิจารณาอนุมัติให้เข้าศึกษา โดยต้องทำคะแนนในภาคการศึกษาแรกให้ได้ 3.00 จึงจะได้รับการปรับสถานะเป็นนิสิตสามัญ
ข้อ 6 การลงทะเบียนเรียน และระยะเวลาการศึกษา ให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 15 หน่วยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติ และลงทะเบียนเรียนภาคฤดูร้อนได้ไม่เกิน 9 หน่วยกิต
6.1 ประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 3 ปีการศึกษา
6.2 ปริญญาโท ให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปีการศึกษา
6.3 ปริญญาเอก ผู้ที่สำเร็จปริญญาตรีแล้วเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 8 ปีการศึกษา ส่วนผู้ที่สำเร็จปริญญาโทแล้วเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 6 ปีการศึกษา
6.4 การลงทะเบียนเรียนสำหรับผู้เข้าศึกษาแบบไม่เต็มเวลา มหาวิทยาลัยกำหนดจำนวนหน่วยกิตที่ให้ลงทะเบียนเรียนได้ในแต่ละภาคการศึกษาปกติ โดยเทียบเคียงกับจำนวนหน่วยกิต ที่กำหนดข้างต้นในสัดส่วนที่เหมาะสม
6.5 หากมีเหตุผลและความจำเป็นพิเศษ ในกรณีการลงทะเบียนเรียนที่มีจำนวนหน่วยกิต แตกต่างไปจากเกณฑ์ข้างต้นมหาวิทยาลัยจะดำเนินการโดยจะไม่กระทบกระเทือนต่อมาตรฐานและคุณภาพการศึกษา
หลักสูตรการศึกษา โครงสร้างหลักสูตร และระยะเวลาศึกษา
- หลักสูตรการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
1.1 หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง มุ่งให้ความสัมพันธ์สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ ปรัชญาของการอุดมศึกษา ปรัชญาของมหาวิทยาลัย และมาตรฐานวิชาการและวิชาชีพ เน้นการพัฒนานักวิชาการและนักวิชาชีพให้มีความชำนาญในสาขาวิชาเฉพาะ เพื่อให้ความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถปฏิบัติงานได้ได้ดียิ่งขึ้นโดยเป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีลักษณะเบ็ดเสร็จในตัวเอง
1.2 หลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก มุ่งให้ความสัมพันธ์สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ ปรัชญาของการอุดมศึกษาปรัชญาของมหาวิทยาลัยและมาตรฐานวิชาการ และวิชาชีพที่เป็นสากล เน้นการพัฒนานักวิชาการและนักวิชาชีพ ที่มีความรู้ความสามารถระดับสูง ในสาขาวิชาต่าง ๆ โดยกระบวนการวิจัยเพื่อให้สามารถบุกเบิกแสวงหาความรู้ใหม่ได้อย่างมีอิสระ รวมทั้ง มีความสามารถในการสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ เชื่อมโยงและบูรณาการศาสตร์ที่ตนเชี่ยวชาญกับศาสตร์อื่นได้อย่างต่อเนื่อง มีคุณธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการและวิชาชีพ ทั้งนี้ในระดับปริญญาโท มุ่งให้มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการสร้างและประยุกต์ใช้ความรู้ใหม่เพื่อการพัฒนางานและสังคม ในขณะที่ระดับปริญญาเอก มุ่งให้มีความสามารถในการค้นคว้าวิจัยเพื่อสรรค์สร้างองค์ความรู้ใหม่หรือนวัตกรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางาน สังคมและประเทศ
- หลักเกณฑ์การใช้รหัสวิชาในหลักสูตร
ให้เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดในแต่ละหลักสูตรโดยให้มีระบบและหลักการใช้รหัสวิชาในทุกหลักสูตรที่เหมือนกันและเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา
- โครงสร้างหลักสูตร
3.1 หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตและหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
3.2 หลักสูตรปริญญาโท ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต โดยแบ่งการศึกษาเป็น 2 แผน คือ
- แผน ก เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยมีการทำวิทยานิพนธ์ ดังนี้
แบบ ก1 ทำเฉพาะวิทยานิพนธ์ซึ่งมีค่าเทียบได้ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิตมหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้เรียนรายวิชาเพิ่มเติมหรือทำกิจกรรมทางวิชาการอื่นเพิ่มขึ้นก็ได้โดยไม่นับหน่วยกิตแต่จะต้องมีผลสัมฤทธิ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
แบบ ก2 ทำวิทยานิพนธ์ซึ่งมีค่าเทียบได้ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และศึกษางานรายวิชาอีกไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
- แผน ข เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการศึกษางานรายวิชา โดยไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ แต่ต้องมีการค้นคว้าอิสระไม่น้อยกว่า 3 หน่วยกิต และไม่เกิน 6 หน่วยกิต
3.3 ปริญญาเอก แบ่งการศึกษาเป็น 2 แบบ โดยเน้นการวิจัยเพื่อพัฒนานักวิชาการ และนักวิชาชีพขั้นสูง คือ
- แบบ 1 เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่มหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้เรียนรายวิชาเพิ่มเติมหรือทำกิจกรรมทางวิชาการอื่นเพิ่มขึ้นก็ได้โดยไม่นับหน่วยกิต แต่จะต้องมีผลสัมฤทธิ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ดังนี้
แบบ 1.1 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาโท จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต
แบบ 1.2 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรี จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต
ทั้งนี้ วิทยานิพนธ์ตามแบบ 1.1 และแบบ 1.2 จะต้องมีมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน
- แบบ 2 เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่มีคุณภาพสูง และก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการและวิชาชีพ และศึกษางานรายวิชาเพิ่มเติม ดังนี้
แบบ 2.1 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาโท จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิตและศึกษางานรายวิชาอีกไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
แบบ 2.2 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรี จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิตและศึกษางานรายวิชาอีกไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
ทั้งนี้ วิทยานิพนธ์ตามแบบ 2.1 และแบบ 2.2 จะต้องมีมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน
- การลงทะเบียนเรียน
4.1 การลงทะเบียนแต่ละภาคการศึกษาจะต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาโดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ข้อกำหนดของหลักสูตรที่ศึกษา โดยมหาวิทยาลัยจะกำหนดวัน เวลา และวิธีการลงทะเบียนเรียนรายวิชาในแต่ภาคการศึกษา
4.2 นิสิตต้องรับผิดชอบการลงทะเบียนของตนเอง และการลงทะเบียนจะสมบูรณ์เมื่อนิสิตได้ชำระเงินค่าหน่วยกิต ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมการศึกษาและอื่น ๆ ภายในวัน เวลา ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
4.3 จำนวนหน่วยกิตและรายวิชาที่ลงทะเบียน จะต้องเป็นไปตามแผนการเรียนที่กำหนด ทั้งนี้หากไม่เป็นไปตามแผนต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหลักสูตร
4.4 หากมีการปิดรายวิชาหรือกลุ่มเรียนใดที่มีนิสิตลงทะเบียนเรียนไปแล้ว นิสิตสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชาอื่นหรือกลุ่มเรียนอื่นทดแทน หรือขอเพิกถอนเพื่อโอนเงินค่าหน่วยกิตไปภาคการศึกษาถัดไปได้
4.5 ผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตในภาคการศึกษาใด ต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชาในภาคการศึกษานั้นเป็นจำนวนหน่วยกิตไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
4.6 นิสิตที่ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนโดยสมบูรณ์ในภาคการศึกษาใดภายในกำหนดเวลาของมหาวิทยาลัยจะไม่มีสิทธิ์เรียนรายวิชานั้น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการหลักสูตรและได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย
- การขอถอนหรือขอเพิ่มรายวิชา
5.1 นิสิตต้องยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยเพื่อขอถอนหรือขอเพิ่มรายวิชา ทั้งนี้ ต้องได้รับการเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ประจำวิชาที่สอนรายวิชานั้นหรือผู้อำนวยการหลักสูตร และได้รับอนุมัติจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย
5.2 การขอถอนโดยไม่ติดสัญลักษณ์ “W” หรือขอเพิ่มรายวิชาต้องกระทำภายใน 2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปกติหรือภายในสัปดาห์แรกของภาคการศึกษาฤดูร้อน
5.3 การขอถอนรายวิชาติดสัญลักษณ์ “W” กระทำได้หลัง 2 สัปดาห์ และไม่เกิน 12 สัปดาห์ นับจากวันเปิดภาคการศึกษาปกติหรือหลัง 1 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 6 สัปดาห์ นับจากวันเปิดภาคการศึกษาฤดูร้อนโดยนิสิตไม่มีสิทธิ์ขอคืนหรือโอนค่าหน่วยกิต
การรักษาสถานภาพ การลาพักการศึกษา และการลาออก
- การลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต
1.1 นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาครบตามที่กำหนดในหลักสูตรแต่ยังไม่สำเร็จการศึกษา ต้องลงทะเบียนชำระ ค่าธรรมเนียมการศึกษาเพื่อรักษาสถานภาพ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดทุกภาคการศึกษา เพื่อรักษาสถานภาพนิสิตจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
1.2 การลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 8 นับจากวันเปิดภาคการศึกษา
- การลาพักการเรียน
2.1 นิสิตที่มีความจำเป็นต้องลาพักการเรียน อาจยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัย โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและ/หรือผู้อำนวยการหลักสูตรและได้รับอนุมัติจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมายภายในสัปดาห์ที่ 3 ของภาคเรียนที่ขอลาพัก ทั้งนี้ นิสิตได้ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วอย่างน้อย 1 ภาคการศึกษา
2.2 การลาพักการเรียนให้อนุมัติได้ครั้งละไม่เกิน 1 ภาคการศึกษา ถ้านิสิตยังมีความจำเป็นต้องขอลาพักการเรียนต่อไปอีก ให้ยื่นคำร้องใหม่
2.3 ให้นับระยะเวลาที่ขอลาพักการเรียนรวมอยู่ในระยะเวลาการศึกษาด้วย
2.4 ในระหว่างการลาพักการเรียน นิสิตต้องชำระค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัยกำหนดเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต
2.5 หลังการลาพักการเรียน หากนิสิตจะกลับเข้าเรียน ต้องยื่นคำร้องขอกลับเข้าเรียนต่อก่อนวันเปิดภาคการศึกษาไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์
- การลาออก
นิสิตที่ประสงค์จะลาออกจากการเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยให้ยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัย โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและ/หรือผู้อำนวยการหลักสูตร และได้รับอนุมัติจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย
การวัดประเมินผลการศึกษา
1. การมีสิทธิ์เข้าสอบ นิสิตต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดจึงมีสิทธิ์เข้าสอบปลายภาค หากนิสิตมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ 80 แต่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ให้ยื่นคำร้องขอสอบผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อให้ผู้ที่อธิการบดีมอบหมายพิจารณา
2. การวัดและประเมินผลการศึกษา อาจกระทำได้โดยการสอบหรือการทำรายงานจากการอ่าน การศึกษา การค้นคว้าหรือการเขียนรายงาน หรือการเข้าร่วมอภิปรายในชั้น หรือทุกอย่างที่กล่าวมาในระหว่างภาคการศึกษา
3. ระบบการให้คะแนนการเรียนรายวิชา
3.1 ให้มีการประเมินผลการศึกษาในรายวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตรเมื่อสิ้นสุดการศึกษาในแต่ละภาคโดยการประเมินแบ่งเป็น 2 ระบบดังนี้
อักษรที่มีค่าเป็นระดับคะแนนประกอบด้วยอักษรจำนวน 8 ค่าระดับ ดังนี้
อักษรระดับคะแนน |
ความหมาย |
ค่าระดับคะแนน |
A | ดีเยี่ยม (Excellent) |
4.0 |
B+ | ดีมาก (Very Good) |
3.5 |
B | ดี (Good) |
3.0 |
C+ | ดีพอใช้ (Fairly Good) |
2.5 |
C | พอใช้ (Fair) |
2.0 |
D+ | ค่อนข้างอ่อน (Fairly Poor) |
1.5 |
D | อ่อน (Poor) |
1.0 |
F | ตก (Fail) |
0 |
ระบบที่ไม่มีค่าระดับคะแนน กำหนดสัญลักษณ์การประเมินผลดังนี้
สัญลักษณ์ |
ความหมาย |
I |
การประเมินผลยังไม่สมบูรณ์ (Incomplete) |
S |
ผลการเรียนเป็นที่พอใจ (Satisfactory) |
U |
ผลการเรียนไม่เป็นที่พอใจ (Unsatisfactory) |
W |
การยกเลิกรายวิชาโดยได้รับอนุมัติ (Withdrawal) |
AU |
การร่วมฟังการบรรยายโดยไม่นับหน่วยกิต (Audit) |
IP |
การศึกษายังไม่สิ้นสุด (In Progress) |
CS |
การเทียบโอนหน่วยกิตจากการทดสอบมาตรฐาน (credits from standardized tests) |
CE |
การเทียบโอนหน่วยกิตจากการทดสอบที่ไม่ใช่การทดสอบมาตรฐาน(credits from exam) |
CP |
การเทียบโอนหน่วยกิตโดยการประเมินประสบการณ์การทำงานผลการปฏิบัติงาน และจากการเสนอแฟ้มสะสมงาน(credits from portfolio) |
CT |
การเทียบโอนจากการประเมินการศึกษาหรือการฝึกอบรมที่จัดโดยหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา และ การเทียบโอนจากการฝึกอบรมที่จัดโดยสถาบันอุดมศึกษาให้บันทึก “CT” (credits from training) |
T |
การเทียบโอนหน่วยกิตจากระบบการจัดการศึกษาในมหาวิทยาลัย(transfer by grading) |
3.2 การให้ระดับคะแนนอักษร A, B+, B, C+, C, D+, D และ F กระทำได้ในกรณีที่เป็นรายวิชาที่นิสิตเข้าสอบและ (มีสัญลักษณ์) หรือมีผลงานที่ประเมินได้เป็นลำดับขั้นตอนตามที่หลักสูตรกำหนด
3.3 การให้ I ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีที่อาจารย์ผู้สอนเห็นสมควรให้รอผลการศึกษา เพราะนิสิตยังปฏิบัติงานซึ่งเป็นส่วนประกอบการศึกษารายวิชานั้นยังไม่สมบูรณ์ นิสิตที่ได้รับคะแนน I จะต้องดำเนินการขอรับการประเมินผลเพื่อเปลี่ยนระดับ I ให้เสร็จสิ้นภายในภาคการศึกษาถัดไปที่นิสิตมีสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนหากพ้นกำหนดดังกล่าวมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนระดับคะแนน I เป็น F โดยอัตโนมัติ
3.4 การให้สัญลักษณ์ S จะกระทำได้ในรายวิชาปรับพื้นฐานหรือรายวิชาที่หลักสูตรกำหนดไว้ว่าให้ประเมินผลเป็นระดับคะแนนตัวอักษรโดยไม่เป็นลำดับขั้น หรือรายวิชานอกจากที่กำหนดไว้ในหลักสูตร และผลการเรียนในรายวิชานั้นเป็นที่พอใจของอาจารย์ผู้สอน
3.5 การให้สัญลักษณ์ U ในรายวิชาใด และผลการเรียนในรายวิชานั้นไม่เป็นที่พอใจของอาจารย์ผู้สอน
3.6 การให้ AU ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีที่นิสิตได้อนุมัติให้ลงทะเบียนเพื่อร่วมฟังโดยไม่นับหน่วยกิต
3.7 การให้สัญลักษณ์ IP ในรายวิชาใด กระทำได้เฉพาะรายวิชาที่มีผลการเรียนหรือปฏิบัติงานต่อเนื่องกันมากกว่า 1 ภาคการศึกษาและ (มีสัญลักษณ์) หรือการศึกษารายวิชานั้นยังไม่สิ้นสุด สัญลักษณ์ IP จะถูกเปลี่ยนเมื่อการเรียนหรือการปฏิบัติงานในรายวิชานั้นสิ้นสุดและมีการประเมินผลการศึกษา
3.8 การให้ F ให้กระทำได้ในกรณีต่อไปนี้
(1) นิสิตขาดสอบประจำภาคการศึกษา โดยไม่ได้รับอนุมัติ
(2) นิสิตร่วมกิจกรรมการเรียนไม่ครบตามเกณฑ์
(3) นิสิตทุจริตในการสอบ
(4) นิสิตที่ได้ระดับคะแนน I แต่มิได้ดำเนินการขอประเมินผลเพื่อแก้ระดับคะแนน I ให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนถัดไปที่นิสิตมีสิทธิ์ลงทะเบียน
(5) นิสิตเข้าสอบและสอบตก
3.9 การให้ W ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีต่อไปนี้
(1) นิสิตได้รับอนุมัติให้ถอนการเรียนรายวิชานั้น
(2) นิสิตได้รับอนุมัติให้ลาพักการเรียนหลังจากได้ลงทะเบียนเรียนแล้ว
(3) นิสิตถูกสั่งพักการเรียนในภาคเรียนนั้น
3.10 กรณีนิสิตที่ขอเข้าร่วมเรียน ประสงค์ให้มหาวิทยาลัยวัดผล ให้ยื่นใบคำร้องทั่วไปเพื่อแจ้งความจำนงในการขอรับการวัดผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงทะเบียนรายวิชานั้น
3.11 ในกรณีที่นิสิตลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่ระบุไว้เป็นรายวิชาที่เทียบเท่ากันให้นับ หน่วยกิตสะสมเฉพาะรายวิชาหนึ่งรายวิชาใดเท่านั้น
3.12 ผลการประเมินวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระ ที่แบ่งหน่วยกิตลงทะเบียน และการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์เป็นดังนี้
ผลการประเมิน |
ความหมาย |
S |
ผ่าน (Satisfactory) |
U |
ไม่ผ่าน (Unsatisfactory) |
3.13 ผลการสอบวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระ และการประเมินวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระทั้งฉบับ แสดงด้วยสัญลักษณ์ต่อไปนี้
ผลการประเมิน |
ความหมาย |
Excellent |
ดีเยี่ยม |
Good |
ดี |
Pass |
ผ่าน |
Failed |
ไม่ผ่าน |
4. การนับหน่วยกิตและการคำนวณหาค่าระดับคะแนนเฉลี่ยและระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม
4.1 การนับหน่วยกิตสะสมเพื่อให้ครบตามจำนวนที่กำหนดในหลักสูตรให้นับเฉพาะหน่วยกิตของรายวิชาที่สอบได้และได้รับโอนมา
4.2 การนับจำนวนหน่วยกิตเพื่อใช้ในการคำนวณหาค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมให้นับจากรายวิชาที่มีการประเมินผลการศึกษาที่มีค่าระดับคะแนน
4.3 ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยประจำภาคเรียน และค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมให้คำนวณเป็นเลขทศนิยม 2 ตำแหน่งไม่ปัดเศษ สำหรับรายวิชาที่ยังมีผลการศึกษาเป็น “I” ไม่นำหน่วยกิตมารวมเป็นตัวหารเฉลี่ยในภาคเรียนนั้น
5. การเรียนเพิ่ม
กรณีที่นิสิตเรียนรายวิชาครบหลักสูตรแต่คะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ถึง 3.00 นิสิตต้องลงทะเบียนเรียนเพิ่มรายวิชาอื่น โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของอาจารย์ที่ปรึกษา
6. การทุจริตในการสอบ หรือการทำวิทยานิพนธ์ หรือการค้นคว้าอิสระ มหาวิทยาลัยมีอำนาจสั่งให้
6.1 ตกในรายวิชานั้น
6.2 ตกในรายวิชานั้น และพักการเรียนในภาคเรียนถัดไป หรือ
6.3 พ้นสภาพนิสิต
การจำแนกสถานภาพ และการพ้นสภาพนิสิต
- การจำแนกสถานภาพของนิสิต
1.1 นิสิตปกติ คือ นิสิตที่มีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป
1.2 นิสิตรอพินิจ คือ นิสิตที่มีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 3.00
- การพ้นสภาพนิสิต
นิสิตจะต้องพ้นสภาพนิสิตในกรณีต่อไปนี้
2.1 ได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัยให้ลาออก หรือ
2.2 สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร หรือ
2.3 ถูกคัดชื่อออกจากมหาวิทยาลัยในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ไม่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนแรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นนิสิต
(2) ไม่ชำระเงินเพื่อรักษาสภาพนิสิต
(3) ขาดคุณสมบัติการเข้าเป็นนิสิตอย่างใดอย่างหนึ่ง
(4) ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาภายในระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนดไว้
(5) ประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง
(6) ตายหรือลาออก
(7) ลาพักเกิน 2 ภาคการศึกษา ติดต่อกันโดยไม่รับอนุมัติ
(8) มหาวิทยาลัยสั่งให้พ้นสภาพนิสิต
(9) ไม่รักษาสภาพการเป็นนิสิตโดยไม่มีเหตุผลสมควร
การสอบประมวลความรู้ การทำวิทยานิพนธ์ และการค้นคว้าอิสระ
- หลักสูตรปริญญาโท
1.1 นิสิตหลักสูตรปริญญาโทที่เลือกศึกษาแผน ข ต้องสอบประมวลความรู้ (Comprehensive examination) ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรของสาขาวิชานั้น ๆ และต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
1.2 การสอบประมวลความรู้ประกอบด้วย การสอบข้อเขียน และ/หรือการสอบปากเปล่า
1.3 นิสิตที่มีสิทธิ์สอบประมวลความรู้จะต้องศึกษาและสอบผ่านรายวิชาครบถ้วนตามหลักสูตรกำหนดไว้และได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00
1.4 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบประมวลความรู้ ไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน โดยการเสนอของผู้อำนวยการหลักสูตร และคณะกรรมการหลักสูตร
1.5 การสอบประมวลความรู้ข้อเขียน และ/หรือการสอบประมวลความรู้ปากเปล่าให้สอบได้ไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ถ้ายังสอบไม่ผ่านให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตรหรือคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา
- หลักสูตรปริญญาเอก
2.1 การสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying examination) ประกอบด้วย การสอบข้อเขียน และ/หรือ การสอบปากเปล่า
2.2 นิสิตที่มีสิทธิ์สอบวัดคุณสมบัติ จะต้องศึกษาและสอบผ่านรายวิชาครบถ้วนตามหลักสูตรกำหนดไว้และได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00
2.3 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวัดคุณสมบัติ ไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน โดยการเสนอของผู้อำนวยการหลักสูตร และคณะกรรมการหลักสูตร
2.4 การสอบวัดคุณสมบัติ ข้อเขียน และ/หรือการสอบวัดคุณสมบัติ ปากเปล่าให้สอบได้ไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ถ้ายังสอบไม่ผ่านให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตรหรือคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา
- ขั้นตอนการเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์
3.1 นิสิตลงทะเบียนวิทยานิพนธ์ เพื่อเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ตามกระบวนการที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์จะต้องเกี่ยวกับสาขาวิชาที่ศึกษาและได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร และคณะกรรมการหลักสูตร
3.2 นิสิตเข้าชี้แจงและตอบข้อซักถามที่เกี่ยวกับหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ตามวันและเวลาที่หลักสูตรกำหนด การเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์แล้วต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหลักสูตร
3.3 มหาวิทยาลัย และ/หรือ หลักสูตรจะประกาศอนุมัติหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ เพื่อให้นิสิตมีสิทธิดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ในหัวข้อที่ได้รับความเห็นชอบต่อไป
- การเรียบเรียงวิทยานิพนธ์
4.1 นิสิตจะต้องเรียบเรียงเนื้อหา การศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ในหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ที่ได้รับความเห็นชอบภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี)
4.2 นิสิตต้องรายงานความก้าวหน้าในการทำวิทยานิพนธ์ให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) ตามเวลาที่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กำหนด
4.3 รูปแบบการเรียบเรียงวิทยานิพนธ์ต่าง ๆ รวมทั้งการอ้างอิง การนำเสนอ และอื่น ๆ ให้เป็นไปตามคู่มือการเขียนวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัย
4.4 การเรียบเรียงอาจทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นก็ได้ แต่ต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ในกรณีทำเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นจะต้องได้รับการตรวจแก้ภาษาจากผู้ทรงคุณวุฒิในภาษานั้น
- การสอบวิทยานิพนธ์
5.1 นิสิตจะต้องได้รับอนุมัติจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) ให้สอบวิทยานิพนธ์ได้ จึงมีสิทธิยื่นขอสอบวิทยานิพนธ์
5.2 นิสิตจะยื่นขอสอบวิทยานิพนธ์ต่อเมื่อได้ลงทะเบียนวิทยานิพนธ์ครบถ้วนตามข้อกำหนดของหลักสูตร
5.3 นิสิตจะต้องพิมพ์วิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์เพื่อยื่นขอสอบให้แก่กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ก่อนกำหนดวันสอบไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ และสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง
5.4 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งประธานกรรมการสอบวิทยานิพนธ์และกรรมการสอบร่วม ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 9.3.4 โดยการเสนอของผู้อำนวยการหลักสูตรและคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตร
5.5 ให้ประธานกรรมการตามข้อ 33 (4) รายงานผล และ/หรือ เงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดให้นิสิตปรับแก้หลังการสอบ ตลอดจนประมวลผลสมบูรณ์สุดท้ายให้มหาวิทยาลัยทราบ
5.6 หากคณะกรรมการตามข้อ 33 (4) มีมติให้แก้ไขปรับปรุง นิสิตจะต้องแก้ไขปรับปรุงวิทยานิพนธ์ตามมติของคณะกรรมการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าสอบไม่ผ่าน
5.7 ในกรณีที่มีข้อขัดแย้งทางวิชาการหรือข้อขัดแย้งอื่น ๆ ให้คณะกรรมการบัณฑิตศึกษาเป็นผู้พิจารณาตามข้อเสนอของประธานกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ และคำวินิจฉัยนั้นถือเป็นที่สุด
5.8 นิสิตระดับปริญญาโทที่สอบวิทยานิพนธ์ 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน หากประสงค์จะเปลี่ยนแปลงแผนการศึกษาเป็นแผน ข ต้องยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตร เมื่อได้รับอนุมัติแล้วต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของหลักสูตรนั้น
5.9 นิสิตระดับปริญญาโทที่สอบวิทยานิพนธ์ 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์เป็นผู้วินิจฉัยว่าสมควรสอบครั้งที่ 3 หรือไม่ และเสนอให้ผู้อำนวยการหลักสูตรและคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตรเป็นผู้อนุมัติ
5.10 นิสิตจะต้องส่งวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ที่ผ่านการตรวจและรับรองจากคณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์และผู้อำนวยการหลักสูตร จำนวน 3 เล่ม บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษจำนวน 10 ชุด และบันทึกในรูปแบบซีดีรอมจำนวน 2 แผ่น รวมทั้งบทความ 1 ชุด
5.11 ในกรณีที่นิสิตที่ยังไม่ส่งวิทยานิพนธ์หรือรายงานการค้นคว้าอิสระฉบับสมบูรณ์ ให้ถือว่านิสิตผู้นั้นยังไม่สำเร็จการศึกษา นิสิตจะต้องลงทะเบียนรักษาสถานภาพทุกภาคการศึกษาจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
5.12 ผลงานวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือระดับนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ หรือนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการโดยบทความที่นำเสนอฉบับสมบูรณ์ (Full Paper)ได้รับการตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการ (Proceedings) ดังกล่าว
เกณฑ์การสำเร็จการศึกษา และการอนุมัติปริญญา
- เกณฑ์การสำเร็จการศึกษา นิสิตจะต้องปฏิบัติดังนี้
(1) ประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ต้องเรียนครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนดไว้ในหลักสูตรและต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า
(2) ปริญญาโท
แผน ก แบบ ก 1 เสนอวิทยานิพนธ์และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง และต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้สำหรับผลงานวิทยานิพนธ์ หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์ หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติ หรือระดับนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
แผน ก แบบ ก 2 ศึกษารายวิชาครบถ้วนตามที่กำหนดในหลักสูตร โดยจะต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่าพร้อมทั้งเสนอวิทยานิพนธ์และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง และต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้
ผลงานวิทยานิพนธ์ หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือระดับนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ หรือนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการโดยบทความที่นำเสนอฉบับสมบูรณ์ (Full Paper) ได้รับการตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการ (Proceedings) ดังกล่าว
แผน ข ศึกษารายวิชาครบถ้วนตามที่กำหนดในหลักสูตร โดยจะต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า และสอบผ่านการสอบประมวลความรู้ (Comprehensive Examination) ด้วยข้อเขียนและ / หรือปากเปล่าในสาขาวิชานั้น พร้อมทั้งเสนอรายงานการค้นคว้าอิสระ และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง โดยเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้และรายงานการค้นคว้าอิสระหรือส่วนหนึ่งของรายงานการค้นคว้าอิสระต้องได้รับการเผยแพร่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่สืบค้นได้
(3) ปริญญาเอก
แบบ 1 สอบผ่านการสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying Examination) เพื่อเป็นผู้มีสิทธิขอทำวิทยานิพนธ์ เสนอวิทยานิพนธ์ และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง ซึ่งจะต้องประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภายในและภายนอกสถาบันและต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้
สำหรับผลงานวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการอย่างน้อย 2 เรื่อง
แบบ 1 ศึกษารายวิชาครบถ้วนตามที่กำหนดในหลักสูตร โดยจะต้องได้ระดับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนน/เทียบเท่า สอบผ่านการสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying Examination) เพื่อเป็นผู้มีสิทธิขอทำวิทยานิพนธ์ เสนอวิทยานิพนธ์และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง ซึ่งจะต้องประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภายในและภายนอกสถาบันและต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้หรับผลงานวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ