ระบบการศึกษา การคิดหน่วยกิต จำนวนหน่วยกิตรวม และระยะเวลาการศึกษา |
ระบบการศึกษา
มหาวิทยาลัยจัดการศึกษาโดยใช้ระบบทวิภาค 1 ปีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษาปกติ 1 ภาคการศึกษาปกติมีระยะเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 15 สัปดาห์ การเปิดการศึกษาภาคฤดูร้อน ให้กำหนดระยะเวลาและจำนวนหน่วยกิตโดยมีสัดส่วนเทียบเคียงกันได้กับการศึกษาภาคปกติ
การคิดหน่วยกิต
การคิดหน่วยกิต หมายถึง หน่วยที่แสดงปริมาณการศึกษาซึ่งมหาวิทยาลัยจัดให้แก่นิสิต โดยมีวิธีการคิดหน่วยกิต ดังนี้
- รายวิชาภาคทฤษฎี ที่ใช้เวลาบรรยายหรืออภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมงต่อ ภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
- รายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้เวลาฝึกหรือทดลองไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
- การฝึกงานหรือการฝึกภาคสนาม ที่ใช้เวลาฝึกไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบทวิภาค
- การทำโครงงานหรือกิจกรรมการเรียนอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมายที่ใช้เวลาทำโครงงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ ไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
จำนวนหน่วยกิตรวมและระยะเวลาการศึกษา
- หลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 120 หน่วยกิตใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 8 ปีการศึกษา สำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน 12 ปีการศึกษาสำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
- หลักสูตรปริญญาตรี (5 ปี) ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 150 หน่วยกิตใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 10 ปีการศึกษา สำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน 15 ปีการศึกษา สำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
- หลักสูตรปริญญาตรี (ไม่น้อยกว่า 6 ปี) ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 180 หน่วยกิต ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 12 ปีการศึกษา สำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน 18 ปีการศึกษา สำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
- หลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิตใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 4 ปีการศึกษา สำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน 6 ปีการศึกษา สำหรับ การลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
ทั้งนี้ การนับเวลาศึกษามหาวิทยาลัยจะเริ่มนับจากวันที่เปิดภาคการศึกษาแรกที่รับเข้าศึกษาในหลักสูตรนั้น
หลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาตรี โครงสร้างหลักสูตร และอาจารย์ประจำหลักสูตร |
โครงสร้างหลักสูตร
ประกอบด้วยหมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะ และหมวดวิชาเลือกเสรี โดยมีสัดส่วนจำนวนหน่วยกิตของแต่ละหมวดวิชา ดังนี้
1. หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมายถึง หมวดวิชาที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง เข้าใจ และเห็นคุณค่าของตนเอง ผู้อื่น สังคม ศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติ ใส่ใจต่อความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรมพร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และเป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของสังคมไทยและสังคมโลกรายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้เวลาฝึกหรือทดลองไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
การจัดรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปมหาวิทยาลัยอาจจัดในลักษณะจำแนกเป็นรายวิชาหรือลักษณะบูรณาการใด ๆก็ได้ โดยผสมผสานเนื้อหาวิชาครอบคลุมสาระของกลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภาษาและกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหมวดวิชาศึกษาทั่วไปทั้งนี้ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
อนึ่ง การจัดวิชาศึกษาทั่วไปสำหรับหลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) มหาวิทยาลัยอาจยกเว้นรายวิชาที่ได้ศึกษามาแล้วในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือระดับอนุปริญญา ทั้งนี้ จำนวนหน่วยกิตของรายวิชาที่ได้รับการยกเว้นดังกล่าว เมื่อนับรวมกับรายวิชาที่จะศึกษาเพิ่มเติมในหลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) ต้องไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
2. หมวดวิชาเฉพาะ หมายถึง วิชาแกน วิชาเฉพาะด้าน วิชาพื้นฐานวิชาชีพและวิชาชีพที่มุ่งหมายให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และปฏิบัติงานได้ โดยให้มีจำนวนหน่วยกิตรวม ดังนี้
2.1 หลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) ทางวิชาการ ให้มีจำนวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า72 หน่วยกิต
2.2 หลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) ทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ ให้มีจำนวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต โดยต้องเรียนวิชาทางปฏิบัติการตามที่มาตรฐานวิชาชีพกำหนด หากไม่มีมาตรฐานวิชาชีพกำหนดต้องเรียนวิชาทางปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต และทางทฤษฎีไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
หลักสูตร (ต่อเนื่อง) ให้มีจำนวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า 42 หน่วยกิต ในจำนวนนั้น
ต้องเป็นวิชาทางทฤษฏีไม่น้อยกว่า 18 หน่วยกิต
2.3 หลักสูตรปริญญาตรี (5 ปี) ให้มีจำนวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า 90 หน่วยกิต
2.4 หลักสูตรปริญญาตรี (ไม่น้อยกว่า 6 ปี) ให้มีจำนวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า108 หน่วยกิต
มหาวิทยาลัยอาจจัดหมวดวิชาเฉพาะในลักษณะวิชาเอกเดี่ยว วิชาเอกคู่ หรือวิชาเอกและวิชาโทก็ได้ โดยวิชาเอกต้องมีจำนวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต และวิชาโทต้องมีจำนวน หน่วยกิตไม่น้อยกว่า15 หน่วยกิต ในกรณีที่จัดหลักสูตรแบบวิชาเอกคู่ต้องเพิ่มจำนวนหน่วยกิตของวิชาเอกอีกไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิตและให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 150 หน่วยกิต
สำหรับหลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้า ผู้เรียนต้องเรียนวิชาระดับบัณฑิตศึกษาในหมวดวิชาเฉพาะไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
3. หมวดวิชาเลือกเสรี หมายถึง วิชาที่มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ตามที่ตนเองถนัดหรือสนใจโดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกเรียนรายวิชาใด ๆ ในหลักสูตรระดับปริญญาตรี โดยให้มีจำนวน หน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต
มหาวิทยาลัยอาจยกเว้นหรือเทียบโอนหน่วยกิตรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะ และหมวดวิชาเลือกเสรี ให้กับนิสิตที่มีความรู้ความสามารถ ที่สามารถวัดมาตรฐานได้ ทั้งนี้ นิสิตต้องศึกษาให้ครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนดไว้ในเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเทียบโอนผลการเรียน
ระดับปริญญาเข้าสู่การศึกษาในระบบ และแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการเทียบโอนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
จำนวนหน่วยกิตที่นิสิตจะลงทะเบียนเรียนในแต่ละภาคการศึกษา มีดังนี้
- ให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิต และไม่เกิน 22 หน่วยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติสำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 9 หน่วยกิตในแต่ละภาคการศึกษาปกติสำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
- ในภาคฤดูร้อนจะลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 9 หน่วยกิต
- นิสิตอาจลงทะเบียนเรียนโดยมีจำนวนหน่วยกิตสูงกว่าหรือต่ำกว่าตามที่ได้กำหนดไว้ ในกรณีที่จะขอสำเร็จการศึกษาในภาคการศึกษานั้น ทั้งนี้ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อมาตรฐานคุณภาพการศึกษา โดยให้นิสิตเสนอผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาผ่านคณะกรรมการรับผิดชอบหลักสูตรและคณะ โดยมหาวิทยาลัยเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
- การลงทะเบียนของนิสิตที่อยู่ในสภาพรอพินิจ จะต้องลงทะเบียนเรียนในแต่ละภาคการศึกษาปกติไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต และไม่เกิน 12 หน่วยกิต และในภาคฤดูร้อนจะลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 6 หน่วยกิต
การขอถอน ขอเพิ่มรายวิชาหรือขอยกเลิกรายวิชา
- การขอถอนหรือขอเพิ่มรายวิชาต้องได้รับการเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาและหัวหน้าสาขาวิชา ทั้งนี้ต้องไม่ขัดกับจำนวนหน่วยกิตต่อภาคการศึกษาตามที่กำหนดไว้
- การขอถอนรายวิชาโดยไม่ติดสัญลักษณ์ “W” หรือขอเพิ่มรายวิชาต้องกระทำภายใน2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปกติหรือภายในสัปดาห์แรกของภาคฤดูร้อน และนิสิตจะได้รับการโอนเงินค่าหน่วยกิตของรายวิชาที่เพิกถอนไปใช้ในรายวิชาที่ขอเพิ่มหรือใช้ในภาคการศึกษาถัดไปที่ลงทะเบียนเรียนได้เต็มจำนวน
- การขอยกเลิกรายวิชาโดยติดสัญลักษณ์ “W” เป็นการขอยกเลิกรายวิชาหลัง 2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปกติหรือหลังสัปดาห์แรกของภาคฤดูร้อน และไม่เกิน 12 สัปดาห์ นับจากวันเปิดภาคการศึกษาปกติและไม่เกิน 6 สัปดาห์ นับจากวันเปิดภาคฤดูร้อน โดยนิสิตไม่มีสิทธิ์ขอคืนเงินหรือโอนค่าหน่วยกิต
- นิสิตที่ถูกสั่งพักการเรียน หรือได้รับการอนุมัติให้ลาพักการศึกษาตามระเบียบของมหาวิทยาลัยหลังการลงทะเบียนวิชาเรียนแล้วให้เพิกถอนรายวิชาและได้รับสัญลักษณ์ “W” ในภาคการศึกษานั้น
การลงทะเบียนเรียนซ้ำ
- นิสิตที่ได้ระดับคะแนน F ในวิชาบังคับจะต้องลงทะเบียนเรียนวิชานั้นซ้ำอีกจนกว่าจะสอบได้
- นิสิตที่ได้ระดับคะแนน F ในวิชาเลือกจะลงทะเบียนเรียนวิชานั้นซ้ำอีกหรือเลือกลงทะเบียนเรียนวิชาอื่นแทนได้
- นิสิตสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่ได้ระดับคะแนนตั้งแต่ D+ ลงมาซ้ำได้ในกรณีที่ต้องการเพิ่มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม
- การลงทะเบียนเรียนซ้ำให้นับหน่วยกิตสะสมเพียงครั้งเดียวและให้นำผลการประเมินที่ดีที่สุดมาคำนวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม
ค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมการศึกษา
นิสิตต้องชำระค่าเล่าเรียน ค่าบำรุง และค่าธรรมเนียมการศึกษาเมื่อมีการลงทะเบียนรายวิชา ค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมการศึกษาประเภทต่าง ๆที่ต้องชำระให้เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย
การวัดผลและการประเมินผลการศึกษา |
การมีสิทธิ์เข้าสอบปลายภาค
นิสิตต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดจึงจะมีสิทธิ์เข้าสอบปลายภาค หากนิสิตมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ 80 แต่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ให้ยื่นคำร้องขอสอบผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อให้มหาวิทยาลัยพิจารณา
การประเมินผลการศึกษา
การประเมินผลการศึกษาในรายวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตรเมื่อสิ้นสุดการศึกษาในแต่ละภาค โดยผลการประเมินแบ่งเป็น 2 ระบบ ดังนี้
1. ระบบค่าระดับคะแนน แบ่งเป็น 8 ระดับ ดังนี้
อักษรระดับคะแนน | ความหมาย | ค่าระดับคะแนน |
A | ดีเยี่ยม (Excellent) | 4.0 |
B+ | ดีมาก (Very Good) | 3.5 |
B | ดี (Good) | 3.0 |
C+ | ดีพอใช้ (Fairly Good) | 2.5 |
C | พอใช้ (Fair) | 2.0 |
D+ | ค่อนข้างอ่อน (Fairly Poor) | 1.5 |
D | อ่อน (Poor) | 1.0 |
F | ตก (Fail) | 0 |
2. ระบบไม่มีค่าระดับคะแนน กำหนดสัญลักษณ์การประเมินผล ดังนี้
สัญลักษณ์ | ความหมาย |
I | การประเมินผลยังไม่สมบูรณ์ (Incomplete) |
S | ผลการเรียนเป็นที่พอใจ (Satisfactory) |
U | ผลการเรียนไม่เป็นที่พอใจ (Unsatisfactory) |
W | การยกเลิกรายวิชาโดยได้รับอนุมัติ (Withdrawal) |
AU | การร่วมฟังการบรรยายโดยไม่นับหน่วยกิต (Audit) |
T | การเทียบโอนรายวิชา (Transfer) |
IP | การศึกษายังไม่สิ้นสุด (In Progress) |
CS | การเทียบโอนหน่วยกิตจากการทดสอบมาตรฐาน(credits from standardized tests) |
CE | การเทียบโอนหน่วยกิตจากการทดสอบที่ไม่ใช่การทดสอบมาตรฐาน(credits from exam) |
CP | การเทียบโอนหน่วยกิตโดยการประเมินประสบการณ์การทำงานผลการปฏิบัติงาน และจากการเสนอแฟ้มสะสมงาน(credits from portfolio) |
CT | การเทียบโอนจากการประเมินการศึกษาหรือการฝึกอบรมที่จัดโดยหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา และ การเทียบโอนจากการฝึกอบรมที่จัดโดยสถาบันอุดมศึกษาให้บันทึก “CT” (credits from training) |
T | การเทียบโอนหน่วยกิตจากระบบการจัดการศึกษาในมหาวิทยาลัย(transfer by grading) |
3. การให้ระดับคะแนนตัวอักษร A, B+, B, C+, C, D+, D และ F กระทำได้ในกรณีที่เป็นรายวิชาที่นิสิตเข้าสอบ ทำข้อสอบ และหรือมีคะแนนผลการสอบที่สามารถประเมินได้เป็นลำดับขั้นตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
4. นิสิตที่มีผลการศึกษาในระดับ D ขึ้นไปหรือได้ S ถือว่าสอบได้ในรายวิชานั้นยกเว้นรายวิชาที่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในหลักสูตร
5. การให้ F ให้กระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
5.1 นิสิตขาดสอบประจำภาคการศึกษาโดยไม่ได้รับอนุมัติให้เข้าสอบ
5.2 นิสิตที่ร่วมกิจกรรมการเรียนไม่ครบตามที่กำหนดไว้
5.3 นิสิตทุจริตในการสอบ
5.4 นิสิตที่ได้รับคะแนน I แต่มิได้ดำเนินการขอประเมินผลเพื่อแก้ระดับคะแนน I ให้เสร็จสิ้นภายใน 6 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาถัดไปที่นิสิตมีสิทธิ์ลงทะเบียน
5.5 นิสิตเข้าสอบและสอบตกหรือเข้าสอบแต่ไม่ทำข้อสอบ
6. การให้ I ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีที่อาจารย์ผู้สอนเห็นสมควรให้รอผลการศึกษาเพราะนิสิตยังปฏิบัติงานซึ่งเป็นส่วนประกอบการศึกษารายวิชานั้นยังไม่สมบูรณ์ นิสิตที่ได้รับคะแนน I จะต้องดำเนินการขอรับการประเมินผลเพื่อเปลี่ยนระดับ I ให้เสร็จสิ้นภายใน 6 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาถัดไปที่นิสิตมีสิทธิ์ลงทะเบียนเรียน หากพ้นกำหนดดังกล่าวมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนระดับคะแนน I เป็น F โดยอัตโนมัติ
7. การให้สัญลักษณ์ S จะกระทำได้ในรายวิชาที่หลักสูตรกำหนดไว้ว่าให้ประเมินผลเป็นระบบไม่มีค่าระดับคะแนน หรือใช้ในรายวิชาที่หลักสูตรหรือมหาวิทยาลัยกำหนดให้เรียนเพิ่ม โดยที่ผลการเรียนในรายวิชานั้นต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน
8. การให้สัญลักษณ์ U ในรายวิชาใด กระทำได้ตามที่กำหนดไว้ แต่ผลการเรียนในรายวิชานั้นไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน
9. การให้ AU ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีที่นิสิตได้รับอนุมัติให้ลงทะเบียนเพื่อร่วมฟังโดยไม่นั่บหน่วยกิต และมีวลาเรียนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด ถ้าหากไม่เป็นไปตามนั้นจะไม่บันทึกรายวิชานั้นลงในใบแสดงผลการศึกษา
10. การให้สัญลักษณ์ IP ในรายวิชาใด กระทำได้เฉพาะรายวิชาที่มีผลการเรียนหรือปฏิบัติงานต่อเนื่องกันมากกว่า 1 ภาคการศึกษาและหรือการศึกษารายวิชานั้นยังไม่สิ้นสุด สัญลักษณ์ IP จะถูกเปลี่ยนเมื่อการเรียนหรือการปฏิบัติงานในรายวิชานั้นสิ้นสุดและมีการประเมินผลการศึกษาเป็นไปตามที่กำหนดไว้
การนับหน่วยกิตและการคำนวณหาค่าระดับคะแนนเฉลี่ยและระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม
1. การนับหน่วยกิตสะสม เพื่อให้ครบตามจำนวนที่กำหนดในหลักสูตร ให้นับเฉพาะหน่วยกิตของรายวิชาที่สอบได้และได้รับโอนมา
2. การนับจำนวนหน่วยกิตเพื่อใช้ในการคำนวณหาค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม ให้นับจากรายวิชาที่มีการประเมินผลการศึกษาที่มีค่าระดับคะแนน
3. ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยประจำภาคการศึกษา และค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมให้คำนวณเป็นเลขทศนิยม 2 ตำแหน่งไม่ปัดเศษ สำหรับรายวิชาที่ยังมีผลการศึกษาเป็น “I” ไม่นำหน่วยกิตมารวมเป็นตัวหารเฉลี่ยในภาคการศึกษานั้น
4. กรณีโอนรายวิชาที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย ให้คำนวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมจากรายวิชาทั้งหมดที่ได้รับโอน และรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนภายหลังการเทียบโอน
5. กรณีที่นิสิตลงทะเบียนเรียนซ้ำในรายวิชาใดให้นับจำนวนหน่วยกิตสะสมจากจำนวนหน่วยกิตที่ลงทะเบียนเรียนเพียงครั้งเดียว และให้นำผลการประเมินที่ดีที่สุดมาคำนวณระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม
6. กรณีการโอนรายวิชาจากสถาบันอุดมศึกษาอื่น ให้คำนวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมเฉพาะผลการศึกษาตามหลักสูตรสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
สถานภาพของนิสิต การรักษาสถานภาพ และการพ้นสภาพนิสิต |
สถานภาพนิสิต
1. การจำแนกสถานภาพนิสิตกระทำเมื่อสิ้นภาคการศึกษาปกติ เว้นแต่นิสิตที่เข้าศึกษาเป็นภาคการศึกษาแรกให้จำแนกสถานภาพนิสิตเมื่อสิ้นภาคการศึกษาปกติที่สอง สถานภาพนิสิตแบ่งเป็น
1.1 นิสิตปกติ ได้แก่ นิสิตที่สอบได้คะแนนเฉลี่ยสะสม (GPAX) ไม่ต่ำกว่า 2.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า
1.2 นิสิตรอพินิจ (Probation) ได้แก่ นิสิตที่สอบได้คะแนนเฉลี่ยสะสม (GPAX) ต่ำกว่า 1.75 ตั้งแต่ภาคการศึกษาปกติที่ 2 เป็นต้นไป
1.3 ฐานะชั้นปีของนิสิต จะกำหนดเมื่อสิ้นสุดแต่ละปีการศึกษาโดยเทียบจากจำนวนหน่วยกิตที่สอบได้ตามอัตราส่วนของหน่วยกิตของหลักสูตรสาขาวิชานั้น
การรักษาสถานภาพ
1. นิสิตที่ลงทะเบียนรายวิชาครบตามที่กำหนดในหลักสูตร แต่ยังไม่สำเร็จการศึกษาต้องลงทะเบียนชำระค่าบำรุงการศึกษาและค่าธรรมเนียมการศึกษาอื่น ๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดใน ภาคการศึกษาที่รักษาสถานภาพจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
2. การลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานภาพนิสิตให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนสอบปลายภาค
การพ้นสภาพการเป็นนิสิต
นิสิตจะพ้นสภาพการเป็นนิสิตในกรณีดังต่อไปนี้
1. สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร
2. มีระยะเวลาศึกษาเกินกว่าระยะเวลาการศึกษาตามที่กำหนดไว้
3. ขาดคุณสมบัติในการเข้าศึกษาในหลักสูตรที่กำลังศึกษา
4. ขาดการลงทะเบียน และลาพักการศึกษาเป็นเวลาสองภาคการศึกษาปกติติดต่อกัน เว้นแต่จะได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ
5. ใช้เอกสารปลอมในการสมัครเข้าเป็นนิสิต
6. ต้องรับโทษจำคุกยกเว้นความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
7. มหาวิทยาลัยสั่งให้พ้นสภาพนิสิตด้วยเหตุกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
8. ไม่ชำระเงินเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต
9. ลาออก
10. เสียชีวิต
การขอคืนสภาพการเป็นนิสิต
การขอคืนสภาพการเป็นนิสิต ผู้ที่พ้นสภาพการเป็นนิสิตโดยการลาออกหรือถูกจำหน่ายโดยไม่ได้ติดต่อกับมหาวิทยาลัย หรือถูกสั่งพัก ประสงค์จะกลับเข้าศึกษาต่อสามารถยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยเพื่อขอคืนสภาพการเป็นนิสิตได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศของมหาวิทยาลัย
การลาพักการศึกษา
แนวปฏิบัติการลาพักการศึกษา
1. นิสิตที่มีความจำเป็นต้องลาพักการศึกษา ต้องยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยภายในสัปดาห์ที่ 8 ของภาคการศึกษาปกติและภายใน 4 สัปดาห์สำหรับภาคฤดูร้อน โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัย
2. การลาพักการศึกษาให้อนุมัติได้ครั้งละไม่เกิน 1 ภาคการศึกษา แต่ไม่เกิน 2 ภาคการศึกษาปกติติดต่อกัน ถ้านิสิตยังมีความจำเป็นต้องขอลาพักการเรียนต่อไปอีกให้ยื่นคำร้องใหม่
3. ให้นับระยะเวลาที่ขอลาพักการศึกษา รวมอยู่ในระยะเวลาการศึกษาตามที่กำหนดไว้ ยกเว้นกรณีลาพักการศึกษาเนื่องจากถูกเกณฑ์หรือระดมเข้ารับราชการทหารกองประจำการ
4. ในระหว่างการลาพักการศึกษา นิสิตต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมอื่นที่มหาวิทยาลัยกำหนดเพื่อรักษาสถานภาพนิสิตมิฉะนั้นจะพ้นสภาพนิสิต
5. หลังจากการลาพักการศึกษา หากนิสิตจะกลับเข้าเรียน ต้องยื่นคำร้องขอกลับเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ก่อนวันเปิดภาคการศึกษาไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัย
การย้ายสาขาวิชา
1. นิสิตที่ขอย้ายสาขาวิชา จะต้องไม่เป็นผู้ที่พ้นสภาพนิสิต
2. การย้ายสาขาวิชา ให้ถือเกณฑ์ปฏิบัติดังนี้
2.1 คุณสมบัติของนิสิตที่ขอย้ายสาขาวิชา
2.1.1 เคยลงทะเบียนเรียนในสาขาวิชาเดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ภาคการศึกษา
2.1.2 คุณวุฒิทางการศึกษาและคุณสมบัติเฉพาะตรงตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรสาขาวิชาที่ขอย้ายเข้า
2.2 นิสิตต้องยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนวันสิ้นภาคการศึกษา
2.3 นิสิตที่ได้รับอนุมัติให้ย้ายสาขาวิชาสามารถขอเทียบรายวิชาและโอนหน่วยกิตได้ในภาคการศึกษาแรกของสาขาวิชาที่ขอย้าย
2.4 การอนุมัติการย้ายสาขาวิชา การย้ายสาขาวิชาต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาหัวหน้าสาขาวิชาที่เรียนอยู่เดิมและหัวหน้าสาขาวิชาที่ขอย้าย และได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัย ผลการย้ายสาขาวิชาจะสมบูรณ์เมื่อนิสิตได้ชำระค่าธรรมเนียมในการโอนเรียบร้อย
2.5 เมื่อนิสิตได้รับอนุมัติให้ย้ายสาขาวิชาแล้ว จะจะต้องศึกษาให้ครบหลักสูตรใหม่ภายในระยะเวลาที่เหลืออยู่ตามหลักสูตรของสาขาวิชาที่ขอย้ายโอน
การเทียบรายวิชา โอนหน่วยกิต และการเข้าศึกษาปริญญาที่สอง
1. การเทียบรายวิชาเรียนและโอนหน่วยกิตของนิสิตในมหาวิทยาลัยหรือจากสถาบันอื่นที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ว่าด้วย การเทียบโอนผลการเรียน พ.ศ.2559 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ว่าด้วย หลักเกณฑ์การเทียบโอนความรู้และ
ประสบการณ์การทำงาน พ.ศ. 2561 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. การเข้าศึกษาปริญญาที่สองให้เป็นไปตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้
2.1 ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติตามตามที่กำหนดไว้
2.2 สาขาวิชาที่สมัครต้องเป็นสาขาวิชาหรือปริญญาที่มีชื่อไม่เหมือนกับสาขาวิชาหรือปริญญาที่เคยได้รับ
2.3 ได้รับการยกเว้นการเรียนรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของหลักสูตรปริญญาที่สอง ในกรณีที่มหาวิทยาลัยพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ขอศึกษาปริญญาที่สองยังขาดความรู้ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปก็อาจกำหนดให้ศึกษาเพิ่มเติมวิชาเหล่านั้นได้โดยนับเป็นหน่วยกิตสะสม หรือไม่นับหน่วยกิตสะสมได้
2.4 ต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชาเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนหน่วยกิต รวมตลอดหลักสูตรและต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชาบังคับของสาขาวิชาให้ครบตามหลักสูตรกำหนด
2.5 ในกรณีที่คณะกรรมการผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่ผู้สมัครเข้าศึกษาปริญญาที่สองพิจารณาเห็นว่าผู้ขอศึกษาปริญญาที่สองยังขาดความรู้เบื้องต้นบางวิชาก็อาจกำหนดให้ศึกษาเพิ่มเติมวิชาเหล่านั้นได้
2.6 รายวิชาใดที่ศึกษามาแล้วทั้งหมดในปริญญาเดิมจะได้รับการพิจารณาเทียบโอน หน่วยกิตเพื่อใช้ในแผนการศึกษาของสาขาวิชาใหม่ รายวิชาที่จะเทียบโอนหน่วยกิตสะสมได้ จะต้องมีเนื้อหาสาระครอบคลุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของรายวิชาที่ขอเทียบโอนและมีผลการเรียนเทียบได้ไม่ต่ำกว่า ระดับ C หรือ 2.00 หรือเทียบเท่า
2.7 ผู้ขอศึกษาปริญญาที่สอง มีระยะเวลาในการศึกษาปริญญาที่สองไม่เกิน 5 ปี
การศึกษาข้ามสถาบัน
นิสิตที่ประสงค์จะศึกษาข้ามสถาบันให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- เป็นนิสิตที่ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาสุดท้าย และมหาวิทยาลัยไม่ได้เปิดสอนในรายวิชาที่นิสิตประสงค์จะลงทะเบียนเรียนหรือเป็นนิสิตแลกเปลี่ยนตามโครงการแลกเปลี่ยนนิสิตของมหาวิทยาลัย
- กรณีนิสิตของมหาวิทยาลัยประสงค์จะศึกษาข้ามสถาบัน จะต้องเป็นสถาบัน อุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยให้ความเห็นชอบ
- รายวิชาที่นิสิต ประสงค์จะศึกษาข้ามสถาบันจะต้องมีเนื้อหารายละเอียดวิชาเทียบเคียงได้หรือมีเนื้อหาสาระครอบคลุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของรายวิชาของมหาวิทยาลัย
- นิสิตที่ได้รับอนุมัติให้ลงทะเบียนเรียนเพื่อศึกษาข้ามสถาบัน จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของสถาบันที่นิสิตลงทะเบียนเรียน และติดตามให้สถาบันที่นิสิตลงทะเบียนเรียนส่งผลการศึกษาโดยตรงต่อทางมหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
การสำเร็จการศึกษา
ระยะเวลาในการสำเร็จการศึกษา จะสำเร็จการศึกษาได้ ดังนี้
- หลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 6 ภาคการศึกษาปกติ สำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่ก่อน 14 ภาคการศึกษาปกติ สำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
- หลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 4 ภาคการศึกษาปกติสำหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่ก่อน 8 ภาคการศึกษาปกติ สำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา
การได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยม
1. ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
นิสิตที่มีสิทธิ์ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1.1 เป็นนิสิตหลักสูตรปริญญาตรี ที่สอบได้หน่วยกิตครบตามหลักสูตรภายในระยะเวลาของการจัดการศึกษาภาคปกติ ทั้งนี้ไม่นับภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ลาพักการศึกษา
1.2 สอบได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป และไม่มีรายวิชาใดได้รับสัญลักษณ์ D, D+, W หรือ F
1.3 ไม่เคยลงทะเบียนเรียนซ้ำในรายวิชาใดหรือเทียบโอนรายวิชาของมหาวิทยาลัย
1.4 ไม่เคยเทียบโอนรายวิชาจากสถาบันการศึกษาอื่น
1.5 ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย
2. ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับสอง
นิสิตที่มีสิทธิ์ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับสอง จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
2.1 เป็นนิสิตหลักสูตรปริญญาตรีที่สอบได้หน่วยกิตครบตามหลักสูตรภายในระยะเวลาของการจัดการศึกษาภาคปกติ ทั้งนี้ไม่นับภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ลาพักการศึกษา
2.2 สอบได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ 3.25 ขึ้นไป
2.3 ไม่เคยสอบตก (ค่าระดับคะแนนเป็น F) หรือลงทะเบียนเรียนซ้ำในรายวิชาใดหรือเทียบโอนรายวิชาของมหาวิทยาลัย
2.4 ไม่เคยเทียบโอนรายวิชาจากสถาบันการศึกษาอื่น
2.5 ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย
3. การให้เกียรติบัตรประกาศเกียรติคุณผลการเรียนดีเด่น
นิสิตหลักสูตร 4 ปีเทียบโอน ที่มีสิทธิ์ได้รับเกียรติบัตรประกาศเกียรติคุณผลการเรียนดีเด่นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
3.1 ต้องสอบได้หน่วยกิตครบตามหลักสูตรภายในระยะเวลาของการจัดการศึกษาภาคปกติ ทั้งนี้ไม่นับภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ลาพักการศึกษา
3.2 สอบได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป
3.3 ไม่เคยสอบตกหรือลงทะเบียนเรียนซ้ำในรายวิชาใดของมหาวิทยาลัย
3.4 ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย
4. การให้อนุปริญญา
นิสิตที่จะยื่นคำร้องขอรับอนุปริญญาได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
4.1 เป็นนิสิตหลักสูตรปริญญาตรี
4.2 เป็นผู้ที่สอบผ่านได้ครบทุกรายวิชาตามโครงสร้างหลักสูตรในระดับปริญญาตรีและได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรต่ำกว่าเกณฑ์การสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแต่ไม่ต่ำกว่า 1.75
ระบบการจัดการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา
มหาวิทยาลัยจัดการศึกษาโดยใช้ระบบทวิภาค โดย 1 ปีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษาปกติ 1 ภาค ภาคการศึกษาปกติมีระยะเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 15 สัปดาห์ มหาวิทยาลัยเปิดการศึกษาภาคฤดูร้อนกำหนดระยะเวลาและจำนวนหน่วยกิต โดยมีสัดส่วนเทียบเคียงกันได้กับการศึกษาภาคปกติ
มหาวิทยาลัยอาจจัดการศึกษาระบบอื่น โดยกำหนดรายละเอียดการเทียบเคียงหน่วยกิตกับระบบทวิภาคไว้ในหลักสูตรของสาขาวิชาต่าง ๆ
การคิดหน่วยกิต
- รายวิชาภาคทฤษฎี ที่ใช้เวลาบรรยายหรืออภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
- รายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้เวลาฝึกหรือทดลองไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
- การฝึกงานหรือการฝึกภาคสนาม ที่ใช้เวลาฝึกไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
- การทำโครงงานหรือกิจกรรมการเรียนอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมาย ที่ใช้เวลาทำโครงงานหรือกิจกรรมนั้นไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
- การค้นคว้าอิสระ ที่ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
- วิทยานิพนธ์ ที่ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
คุณสมบัติการเข้าเป็นนิสิต และการขึ้นทะเบียนนิสิต
ข้อ 1 คุณวุฒิของผู้เข้าศึกษา
1.1 ประกาศนียบัตรบัณฑิต จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
1.2 ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือปริญญาโท หรือเทียบเท่า
1.3 ปริญญาโท จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
1.4 ปริญญาเอก จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าที่มีผลการเรียนดีมาก หรือปริญญาโทหรือเทียบเท่า และมีผลการสอบภาษาอังกฤษได้ตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการการอุดมศึกษากำหนด
ข้อ 2 คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าเป็นนิสิต
2.1 เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย สามารถปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัยของสังคมและของมหาวิทยาลัยรวมถึงเป็นผู้ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสียร้ายแรง
2.2 ไม่เป็นโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหรือโรคติดต่อร้ายแรง
2.3 ไม่เคยต้องโทษในคดีอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และ/หรือ
2.4 มีคุณสมบัติอื่นตามที่หลักสูตรสาขาวิชาที่สมัครเข้าศึกษากำหนดสำหรับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่กำหนดให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา
ข้อ 3 การรับเข้าศึกษา
3.1 มหาวิทยาลัยจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามข้อ 11 และ 12 เข้า เป็นนิสิตโดยมีการทดสอบความรู้ อาจเป็นการสอบข้อเขียน การสอบสัมภาษณ์ หรือวิธีอื่นใดตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
3.2 ในกรณีที่ผู้สมัครกำลังรอผลการศึกษาระดับปริญญาขั้นใดขั้นหนึ่งอยู่ การรับเข้าศึกษาจะมีผลสมบูรณ์ เมื่อผู้สมัครได้แสดงหลักฐานว่าสำเร็จการศึกษาแล้วก่อนวันรายงานตัวเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยตามวัน เวลาที่กำหนด
ข้อ 4 การขึ้นทะเบียนนิสิต
4.1 ผู้ที่สมัครเข้าเป็นนิสิต จะมีสภาพเป็นนิสิตต่อเมื่อได้ขึ้นทะเบียนนิสิตพร้อมทั้งชำระค่าหน่วยกิต ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามวัน เวลาที่กำหนด
4.2 ผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้เข้าศึกษาตามประกาศของมหาวิทยาลัย จะต้องไปรายงานตัวเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตด้วยตนเองตามวันและเวลาที่กำหนด ผู้ที่ไม่อาจขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตตามวันและเวลาที่กำหนดจะต้องแจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์
4.3 ผู้ที่สมัครเข้าศึกษาจะขึ้นทะเบียนนิสิตในหลักสูตรเกินกว่าหนึ่งหลักสูตรในปีการศึกษาเดียวกันไม่ได้
ข้อ 5 ประเภทนิสิต
5.1 นิสิตสามัญ คือ บุคคลที่มหาวิทยาลัยรับเข้าเป็นนิสิตตามข้อ 13.1
5.2 นิสิตพิเศษ คือ ผู้ที่ประสงค์ขอเข้าศึกษาในรายวิชาที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย โดยไม่ขอรับปริญญาบัตร
5.3 นิสิตทดลองเรียน คือ ผู้ที่ไม่ผ่านบางเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด มหาวิทยาลัยอาจพิจารณาอนุมัติให้เข้าศึกษา โดยต้องทำคะแนนในภาคการศึกษาแรกให้ได้ 3.00 จึงจะได้รับการปรับสถานะเป็นนิสิตสามัญ
ข้อ 6 การลงทะเบียนเรียน และระยะเวลาการศึกษา ให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 15 หน่วยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติ และลงทะเบียนเรียนภาคฤดูร้อนได้ไม่เกิน 9 หน่วยกิต
6.1 ประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 3 ปีการศึกษา
6.2 ปริญญาโท ให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปีการศึกษา
6.3 ปริญญาเอก ผู้ที่สำเร็จปริญญาตรีแล้วเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 8 ปีการศึกษา ส่วนผู้ที่สำเร็จปริญญาโทแล้วเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกให้ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 6 ปีการศึกษา
6.4 การลงทะเบียนเรียนสำหรับผู้เข้าศึกษาแบบไม่เต็มเวลา มหาวิทยาลัยกำหนดจำนวนหน่วยกิตที่ให้ลงทะเบียนเรียนได้ในแต่ละภาคการศึกษาปกติ โดยเทียบเคียงกับจำนวนหน่วยกิต ที่กำหนดข้างต้นในสัดส่วนที่เหมาะสม
6.5 หากมีเหตุผลและความจำเป็นพิเศษ ในกรณีการลงทะเบียนเรียนที่มีจำนวนหน่วยกิต แตกต่างไปจากเกณฑ์ข้างต้นมหาวิทยาลัยจะดำเนินการโดยจะไม่กระทบกระเทือนต่อมาตรฐานและคุณภาพการศึกษา
หลักสูตรการศึกษา โครงสร้างหลักสูตร และระยะเวลาศึกษา
- หลักสูตรการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
1.1 หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง มุ่งให้ความสัมพันธ์สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ ปรัชญาของการอุดมศึกษา ปรัชญาของมหาวิทยาลัย และมาตรฐานวิชาการและวิชาชีพ เน้นการพัฒนานักวิชาการและนักวิชาชีพให้มีความชำนาญในสาขาวิชาเฉพาะ เพื่อให้ความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถปฏิบัติงานได้ได้ดียิ่งขึ้นโดยเป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีลักษณะเบ็ดเสร็จในตัวเอง
1.2 หลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก มุ่งให้ความสัมพันธ์สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ ปรัชญาของการอุดมศึกษาปรัชญาของมหาวิทยาลัยและมาตรฐานวิชาการ และวิชาชีพที่เป็นสากล เน้นการพัฒนานักวิชาการและนักวิชาชีพ ที่มีความรู้ความสามารถระดับสูง ในสาขาวิชาต่าง ๆ โดยกระบวนการวิจัยเพื่อให้สามารถบุกเบิกแสวงหาความรู้ใหม่ได้อย่างมีอิสระ รวมทั้ง มีความสามารถในการสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ เชื่อมโยงและบูรณาการศาสตร์ที่ตนเชี่ยวชาญกับศาสตร์อื่นได้อย่างต่อเนื่อง มีคุณธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการและวิชาชีพ ทั้งนี้ในระดับปริญญาโท มุ่งให้มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการสร้างและประยุกต์ใช้ความรู้ใหม่เพื่อการพัฒนางานและสังคม ในขณะที่ระดับปริญญาเอก มุ่งให้มีความสามารถในการค้นคว้าวิจัยเพื่อสรรค์สร้างองค์ความรู้ใหม่หรือนวัตกรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางาน สังคมและประเทศ
- หลักเกณฑ์การใช้รหัสวิชาในหลักสูตร
ให้เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดในแต่ละหลักสูตรโดยให้มีระบบและหลักการใช้รหัสวิชาในทุกหลักสูตรที่เหมือนกันและเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา
- โครงสร้างหลักสูตร
3.1 หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตและหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
3.2 หลักสูตรปริญญาโท ให้มีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต โดยแบ่งการศึกษาเป็น 2 แผน คือ
- แผน ก เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยมีการทำวิทยานิพนธ์ ดังนี้
แบบ ก1 ทำเฉพาะวิทยานิพนธ์ซึ่งมีค่าเทียบได้ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิตมหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้เรียนรายวิชาเพิ่มเติมหรือทำกิจกรรมทางวิชาการอื่นเพิ่มขึ้นก็ได้โดยไม่นับหน่วยกิตแต่จะต้องมีผลสัมฤทธิ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
แบบ ก2 ทำวิทยานิพนธ์ซึ่งมีค่าเทียบได้ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และศึกษางานรายวิชาอีกไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
- แผน ข เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการศึกษางานรายวิชา โดยไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ แต่ต้องมีการค้นคว้าอิสระไม่น้อยกว่า 3 หน่วยกิต และไม่เกิน 6 หน่วยกิต
3.3 ปริญญาเอก แบ่งการศึกษาเป็น 2 แบบ โดยเน้นการวิจัยเพื่อพัฒนานักวิชาการ และนักวิชาชีพขั้นสูง คือ
- แบบ 1 เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่มหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้เรียนรายวิชาเพิ่มเติมหรือทำกิจกรรมทางวิชาการอื่นเพิ่มขึ้นก็ได้โดยไม่นับหน่วยกิต แต่จะต้องมีผลสัมฤทธิ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ดังนี้
แบบ 1.1 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาโท จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต
แบบ 1.2 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรี จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต
ทั้งนี้ วิทยานิพนธ์ตามแบบ 1.1 และแบบ 1.2 จะต้องมีมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน
- แบบ 2 เป็นแผนการศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่มีคุณภาพสูง และก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการและวิชาชีพ และศึกษางานรายวิชาเพิ่มเติม ดังนี้
แบบ 2.1 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาโท จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิตและศึกษางานรายวิชาอีกไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
แบบ 2.2 ผู้เข้าศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรี จะต้องทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิตและศึกษางานรายวิชาอีกไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
ทั้งนี้ วิทยานิพนธ์ตามแบบ 2.1 และแบบ 2.2 จะต้องมีมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน
- การลงทะเบียนเรียน
4.1 การลงทะเบียนแต่ละภาคการศึกษาจะต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาโดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ข้อกำหนดของหลักสูตรที่ศึกษา โดยมหาวิทยาลัยจะกำหนดวัน เวลา และวิธีการลงทะเบียนเรียนรายวิชาในแต่ภาคการศึกษา
4.2 นิสิตต้องรับผิดชอบการลงทะเบียนของตนเอง และการลงทะเบียนจะสมบูรณ์เมื่อนิสิตได้ชำระเงินค่าหน่วยกิต ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมการศึกษาและอื่น ๆ ภายในวัน เวลา ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
4.3 จำนวนหน่วยกิตและรายวิชาที่ลงทะเบียน จะต้องเป็นไปตามแผนการเรียนที่กำหนด ทั้งนี้หากไม่เป็นไปตามแผนต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหลักสูตร
4.4 หากมีการปิดรายวิชาหรือกลุ่มเรียนใดที่มีนิสิตลงทะเบียนเรียนไปแล้ว นิสิตสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชาอื่นหรือกลุ่มเรียนอื่นทดแทน หรือขอเพิกถอนเพื่อโอนเงินค่าหน่วยกิตไปภาคการศึกษาถัดไปได้
4.5 ผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตในภาคการศึกษาใด ต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชาในภาคการศึกษานั้นเป็นจำนวนหน่วยกิตไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
4.6 นิสิตที่ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนโดยสมบูรณ์ในภาคการศึกษาใดภายในกำหนดเวลาของมหาวิทยาลัยจะไม่มีสิทธิ์เรียนรายวิชานั้น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการหลักสูตรและได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย
- การขอถอนหรือขอเพิ่มรายวิชา
5.1 นิสิตต้องยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยเพื่อขอถอนหรือขอเพิ่มรายวิชา ทั้งนี้ ต้องได้รับการเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ประจำวิชาที่สอนรายวิชานั้นหรือผู้อำนวยการหลักสูตร และได้รับอนุมัติจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย
5.2 การขอถอนโดยไม่ติดสัญลักษณ์ “W” หรือขอเพิ่มรายวิชาต้องกระทำภายใน 2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปกติหรือภายในสัปดาห์แรกของภาคการศึกษาฤดูร้อน
5.3 การขอถอนรายวิชาติดสัญลักษณ์ “W” กระทำได้หลัง 2 สัปดาห์ และไม่เกิน 12 สัปดาห์ นับจากวันเปิดภาคการศึกษาปกติหรือหลัง 1 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 6 สัปดาห์ นับจากวันเปิดภาคการศึกษาฤดูร้อนโดยนิสิตไม่มีสิทธิ์ขอคืนหรือโอนค่าหน่วยกิต
การรักษาสถานภาพ การลาพักการศึกษา และการลาออก
- การลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต
1.1 นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาครบตามที่กำหนดในหลักสูตรแต่ยังไม่สำเร็จการศึกษา ต้องลงทะเบียนชำระ ค่าธรรมเนียมการศึกษาเพื่อรักษาสถานภาพ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดทุกภาคการศึกษา เพื่อรักษาสถานภาพนิสิตจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
1.2 การลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 8 นับจากวันเปิดภาคการศึกษา
- การลาพักการเรียน
2.1 นิสิตที่มีความจำเป็นต้องลาพักการเรียน อาจยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัย โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและ/หรือผู้อำนวยการหลักสูตรและได้รับอนุมัติจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมายภายในสัปดาห์ที่ 3 ของภาคเรียนที่ขอลาพัก ทั้งนี้ นิสิตได้ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วอย่างน้อย 1 ภาคการศึกษา
2.2 การลาพักการเรียนให้อนุมัติได้ครั้งละไม่เกิน 1 ภาคการศึกษา ถ้านิสิตยังมีความจำเป็นต้องขอลาพักการเรียนต่อไปอีก ให้ยื่นคำร้องใหม่
2.3 ให้นับระยะเวลาที่ขอลาพักการเรียนรวมอยู่ในระยะเวลาการศึกษาด้วย
2.4 ในระหว่างการลาพักการเรียน นิสิตต้องชำระค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัยกำหนดเพื่อรักษาสถานภาพนิสิต
2.5 หลังการลาพักการเรียน หากนิสิตจะกลับเข้าเรียน ต้องยื่นคำร้องขอกลับเข้าเรียนต่อก่อนวันเปิดภาคการศึกษาไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์
- การลาออก
นิสิตที่ประสงค์จะลาออกจากการเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยให้ยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัย โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและ/หรือผู้อำนวยการหลักสูตร และได้รับอนุมัติจากอธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย
การวัดประเมินผลการศึกษา
1. การมีสิทธิ์เข้าสอบ นิสิตต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดจึงมีสิทธิ์เข้าสอบปลายภาค หากนิสิตมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ 80 แต่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ให้ยื่นคำร้องขอสอบผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อให้ผู้ที่อธิการบดีมอบหมายพิจารณา
2. การวัดและประเมินผลการศึกษา อาจกระทำได้โดยการสอบหรือการทำรายงานจากการอ่าน การศึกษา การค้นคว้าหรือการเขียนรายงาน หรือการเข้าร่วมอภิปรายในชั้น หรือทุกอย่างที่กล่าวมาในระหว่างภาคการศึกษา
3. ระบบการให้คะแนนการเรียนรายวิชา
3.1 ให้มีการประเมินผลการศึกษาในรายวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตรเมื่อสิ้นสุดการศึกษาในแต่ละภาคโดยการประเมินแบ่งเป็น 2 ระบบดังนี้
อักษรที่มีค่าเป็นระดับคะแนนประกอบด้วยอักษรจำนวน 8 ค่าระดับ ดังนี้
อักษรระดับคะแนน |
ความหมาย |
ค่าระดับคะแนน |
A | ดีเยี่ยม (Excellent) |
4.0 |
B+ | ดีมาก (Very Good) |
3.5 |
B | ดี (Good) |
3.0 |
C+ | ดีพอใช้ (Fairly Good) |
2.5 |
C | พอใช้ (Fair) |
2.0 |
D+ | ค่อนข้างอ่อน (Fairly Poor) |
1.5 |
D | อ่อน (Poor) |
1.0 |
F | ตก (Fail) |
0 |
ระบบที่ไม่มีค่าระดับคะแนน กำหนดสัญลักษณ์การประเมินผลดังนี้
สัญลักษณ์ |
ความหมาย |
I |
การประเมินผลยังไม่สมบูรณ์ (Incomplete) |
S |
ผลการเรียนเป็นที่พอใจ (Satisfactory) |
U |
ผลการเรียนไม่เป็นที่พอใจ (Unsatisfactory) |
W |
การยกเลิกรายวิชาโดยได้รับอนุมัติ (Withdrawal) |
AU |
การร่วมฟังการบรรยายโดยไม่นับหน่วยกิต (Audit) |
IP |
การศึกษายังไม่สิ้นสุด (In Progress) |
CS |
การเทียบโอนหน่วยกิตจากการทดสอบมาตรฐาน (credits from standardized tests) |
CE |
การเทียบโอนหน่วยกิตจากการทดสอบที่ไม่ใช่การทดสอบมาตรฐาน(credits from exam) |
CP |
การเทียบโอนหน่วยกิตโดยการประเมินประสบการณ์การทำงานผลการปฏิบัติงาน และจากการเสนอแฟ้มสะสมงาน(credits from portfolio) |
CT |
การเทียบโอนจากการประเมินการศึกษาหรือการฝึกอบรมที่จัดโดยหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา และ การเทียบโอนจากการฝึกอบรมที่จัดโดยสถาบันอุดมศึกษาให้บันทึก “CT” (credits from training) |
T |
การเทียบโอนหน่วยกิตจากระบบการจัดการศึกษาในมหาวิทยาลัย(transfer by grading) |
3.2 การให้ระดับคะแนนอักษร A, B+, B, C+, C, D+, D และ F กระทำได้ในกรณีที่เป็นรายวิชาที่นิสิตเข้าสอบและ (มีสัญลักษณ์) หรือมีผลงานที่ประเมินได้เป็นลำดับขั้นตอนตามที่หลักสูตรกำหนด
3.3 การให้ I ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีที่อาจารย์ผู้สอนเห็นสมควรให้รอผลการศึกษา เพราะนิสิตยังปฏิบัติงานซึ่งเป็นส่วนประกอบการศึกษารายวิชานั้นยังไม่สมบูรณ์ นิสิตที่ได้รับคะแนน I จะต้องดำเนินการขอรับการประเมินผลเพื่อเปลี่ยนระดับ I ให้เสร็จสิ้นภายในภาคการศึกษาถัดไปที่นิสิตมีสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนหากพ้นกำหนดดังกล่าวมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนระดับคะแนน I เป็น F โดยอัตโนมัติ
3.4 การให้สัญลักษณ์ S จะกระทำได้ในรายวิชาปรับพื้นฐานหรือรายวิชาที่หลักสูตรกำหนดไว้ว่าให้ประเมินผลเป็นระดับคะแนนตัวอักษรโดยไม่เป็นลำดับขั้น หรือรายวิชานอกจากที่กำหนดไว้ในหลักสูตร และผลการเรียนในรายวิชานั้นเป็นที่พอใจของอาจารย์ผู้สอน
3.5 การให้สัญลักษณ์ U ในรายวิชาใด และผลการเรียนในรายวิชานั้นไม่เป็นที่พอใจของอาจารย์ผู้สอน
3.6 การให้ AU ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีที่นิสิตได้อนุมัติให้ลงทะเบียนเพื่อร่วมฟังโดยไม่นับหน่วยกิต
3.7 การให้สัญลักษณ์ IP ในรายวิชาใด กระทำได้เฉพาะรายวิชาที่มีผลการเรียนหรือปฏิบัติงานต่อเนื่องกันมากกว่า 1 ภาคการศึกษาและ (มีสัญลักษณ์) หรือการศึกษารายวิชานั้นยังไม่สิ้นสุด สัญลักษณ์ IP จะถูกเปลี่ยนเมื่อการเรียนหรือการปฏิบัติงานในรายวิชานั้นสิ้นสุดและมีการประเมินผลการศึกษา
3.8 การให้ F ให้กระทำได้ในกรณีต่อไปนี้
(1) นิสิตขาดสอบประจำภาคการศึกษา โดยไม่ได้รับอนุมัติ
(2) นิสิตร่วมกิจกรรมการเรียนไม่ครบตามเกณฑ์
(3) นิสิตทุจริตในการสอบ
(4) นิสิตที่ได้ระดับคะแนน I แต่มิได้ดำเนินการขอประเมินผลเพื่อแก้ระดับคะแนน I ให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนถัดไปที่นิสิตมีสิทธิ์ลงทะเบียน
(5) นิสิตเข้าสอบและสอบตก
3.9 การให้ W ในรายวิชาใดให้กระทำได้ในกรณีต่อไปนี้
(1) นิสิตได้รับอนุมัติให้ถอนการเรียนรายวิชานั้น
(2) นิสิตได้รับอนุมัติให้ลาพักการเรียนหลังจากได้ลงทะเบียนเรียนแล้ว
(3) นิสิตถูกสั่งพักการเรียนในภาคเรียนนั้น
3.10 กรณีนิสิตที่ขอเข้าร่วมเรียน ประสงค์ให้มหาวิทยาลัยวัดผล ให้ยื่นใบคำร้องทั่วไปเพื่อแจ้งความจำนงในการขอรับการวัดผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงทะเบียนรายวิชานั้น
3.11 ในกรณีที่นิสิตลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่ระบุไว้เป็นรายวิชาที่เทียบเท่ากันให้นับ หน่วยกิตสะสมเฉพาะรายวิชาหนึ่งรายวิชาใดเท่านั้น
3.12 ผลการประเมินวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระ ที่แบ่งหน่วยกิตลงทะเบียน และการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์เป็นดังนี้
ผลการประเมิน |
ความหมาย |
S |
ผ่าน (Satisfactory) |
U |
ไม่ผ่าน (Unsatisfactory) |
3.13 ผลการสอบวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระ และการประเมินวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระทั้งฉบับ แสดงด้วยสัญลักษณ์ต่อไปนี้
ผลการประเมิน |
ความหมาย |
Excellent |
ดีเยี่ยม |
Good |
ดี |
Pass |
ผ่าน |
Failed |
ไม่ผ่าน |
4. การนับหน่วยกิตและการคำนวณหาค่าระดับคะแนนเฉลี่ยและระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม
4.1 การนับหน่วยกิตสะสมเพื่อให้ครบตามจำนวนที่กำหนดในหลักสูตรให้นับเฉพาะหน่วยกิตของรายวิชาที่สอบได้และได้รับโอนมา
4.2 การนับจำนวนหน่วยกิตเพื่อใช้ในการคำนวณหาค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมให้นับจากรายวิชาที่มีการประเมินผลการศึกษาที่มีค่าระดับคะแนน
4.3 ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยประจำภาคเรียน และค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมให้คำนวณเป็นเลขทศนิยม 2 ตำแหน่งไม่ปัดเศษ สำหรับรายวิชาที่ยังมีผลการศึกษาเป็น “I” ไม่นำหน่วยกิตมารวมเป็นตัวหารเฉลี่ยในภาคเรียนนั้น
5. การเรียนเพิ่ม
กรณีที่นิสิตเรียนรายวิชาครบหลักสูตรแต่คะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ถึง 3.00 นิสิตต้องลงทะเบียนเรียนเพิ่มรายวิชาอื่น โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของอาจารย์ที่ปรึกษา
6. การทุจริตในการสอบ หรือการทำวิทยานิพนธ์ หรือการค้นคว้าอิสระ มหาวิทยาลัยมีอำนาจสั่งให้
6.1 ตกในรายวิชานั้น
6.2 ตกในรายวิชานั้น และพักการเรียนในภาคเรียนถัดไป หรือ
6.3 พ้นสภาพนิสิต
การจำแนกสถานภาพ และการพ้นสภาพนิสิต
- การจำแนกสถานภาพของนิสิต
1.1 นิสิตปกติ คือ นิสิตที่มีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป
1.2 นิสิตรอพินิจ คือ นิสิตที่มีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 3.00
- การพ้นสภาพนิสิต
นิสิตจะต้องพ้นสภาพนิสิตในกรณีต่อไปนี้
2.1 ได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัยให้ลาออก หรือ
2.2 สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร หรือ
2.3 ถูกคัดชื่อออกจากมหาวิทยาลัยในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ไม่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนแรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นนิสิต
(2) ไม่ชำระเงินเพื่อรักษาสภาพนิสิต
(3) ขาดคุณสมบัติการเข้าเป็นนิสิตอย่างใดอย่างหนึ่ง
(4) ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาภายในระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนดไว้
(5) ประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง
(6) ตายหรือลาออก
(7) ลาพักเกิน 2 ภาคการศึกษา ติดต่อกันโดยไม่รับอนุมัติ
(8) มหาวิทยาลัยสั่งให้พ้นสภาพนิสิต
(9) ไม่รักษาสภาพการเป็นนิสิตโดยไม่มีเหตุผลสมควร
การสอบประมวลความรู้ การทำวิทยานิพนธ์ และการค้นคว้าอิสระ
- หลักสูตรปริญญาโท
1.1 นิสิตหลักสูตรปริญญาโทที่เลือกศึกษาแผน ข ต้องสอบประมวลความรู้ (Comprehensive examination) ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรของสาขาวิชานั้น ๆ และต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
1.2 การสอบประมวลความรู้ประกอบด้วย การสอบข้อเขียน และ/หรือการสอบปากเปล่า
1.3 นิสิตที่มีสิทธิ์สอบประมวลความรู้จะต้องศึกษาและสอบผ่านรายวิชาครบถ้วนตามหลักสูตรกำหนดไว้และได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00
1.4 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบประมวลความรู้ ไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน โดยการเสนอของผู้อำนวยการหลักสูตร และคณะกรรมการหลักสูตร
1.5 การสอบประมวลความรู้ข้อเขียน และ/หรือการสอบประมวลความรู้ปากเปล่าให้สอบได้ไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ถ้ายังสอบไม่ผ่านให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตรหรือคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา
- หลักสูตรปริญญาเอก
2.1 การสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying examination) ประกอบด้วย การสอบข้อเขียน และ/หรือ การสอบปากเปล่า
2.2 นิสิตที่มีสิทธิ์สอบวัดคุณสมบัติ จะต้องศึกษาและสอบผ่านรายวิชาครบถ้วนตามหลักสูตรกำหนดไว้และได้ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00
2.3 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวัดคุณสมบัติ ไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน โดยการเสนอของผู้อำนวยการหลักสูตร และคณะกรรมการหลักสูตร
2.4 การสอบวัดคุณสมบัติ ข้อเขียน และ/หรือการสอบวัดคุณสมบัติ ปากเปล่าให้สอบได้ไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ถ้ายังสอบไม่ผ่านให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตรหรือคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา
- ขั้นตอนการเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์
3.1 นิสิตลงทะเบียนวิทยานิพนธ์ เพื่อเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ตามกระบวนการที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์จะต้องเกี่ยวกับสาขาวิชาที่ศึกษาและได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร และคณะกรรมการหลักสูตร
3.2 นิสิตเข้าชี้แจงและตอบข้อซักถามที่เกี่ยวกับหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ตามวันและเวลาที่หลักสูตรกำหนด การเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์แล้วต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหลักสูตร
3.3 มหาวิทยาลัย และ/หรือ หลักสูตรจะประกาศอนุมัติหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ เพื่อให้นิสิตมีสิทธิดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ในหัวข้อที่ได้รับความเห็นชอบต่อไป
- การเรียบเรียงวิทยานิพนธ์
4.1 นิสิตจะต้องเรียบเรียงเนื้อหา การศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ในหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์ที่ได้รับความเห็นชอบภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี)
4.2 นิสิตต้องรายงานความก้าวหน้าในการทำวิทยานิพนธ์ให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) ตามเวลาที่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กำหนด
4.3 รูปแบบการเรียบเรียงวิทยานิพนธ์ต่าง ๆ รวมทั้งการอ้างอิง การนำเสนอ และอื่น ๆ ให้เป็นไปตามคู่มือการเขียนวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัย
4.4 การเรียบเรียงอาจทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นก็ได้ แต่ต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ในกรณีทำเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นจะต้องได้รับการตรวจแก้ภาษาจากผู้ทรงคุณวุฒิในภาษานั้น
- การสอบวิทยานิพนธ์
5.1 นิสิตจะต้องได้รับอนุมัติจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) ให้สอบวิทยานิพนธ์ได้ จึงมีสิทธิยื่นขอสอบวิทยานิพนธ์
5.2 นิสิตจะยื่นขอสอบวิทยานิพนธ์ต่อเมื่อได้ลงทะเบียนวิทยานิพนธ์ครบถ้วนตามข้อกำหนดของหลักสูตร
5.3 นิสิตจะต้องพิมพ์วิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์เพื่อยื่นขอสอบให้แก่กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ก่อนกำหนดวันสอบไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ และสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง
5.4 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งประธานกรรมการสอบวิทยานิพนธ์และกรรมการสอบร่วม ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 9.3.4 โดยการเสนอของผู้อำนวยการหลักสูตรและคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตร
5.5 ให้ประธานกรรมการตามข้อ 33 (4) รายงานผล และ/หรือ เงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดให้นิสิตปรับแก้หลังการสอบ ตลอดจนประมวลผลสมบูรณ์สุดท้ายให้มหาวิทยาลัยทราบ
5.6 หากคณะกรรมการตามข้อ 33 (4) มีมติให้แก้ไขปรับปรุง นิสิตจะต้องแก้ไขปรับปรุงวิทยานิพนธ์ตามมติของคณะกรรมการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าสอบไม่ผ่าน
5.7 ในกรณีที่มีข้อขัดแย้งทางวิชาการหรือข้อขัดแย้งอื่น ๆ ให้คณะกรรมการบัณฑิตศึกษาเป็นผู้พิจารณาตามข้อเสนอของประธานกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ และคำวินิจฉัยนั้นถือเป็นที่สุด
5.8 นิสิตระดับปริญญาโทที่สอบวิทยานิพนธ์ 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน หากประสงค์จะเปลี่ยนแปลงแผนการศึกษาเป็นแผน ข ต้องยื่นคำร้องต่อมหาวิทยาลัยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตร เมื่อได้รับอนุมัติแล้วต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของหลักสูตรนั้น
5.9 นิสิตระดับปริญญาโทที่สอบวิทยานิพนธ์ 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์เป็นผู้วินิจฉัยว่าสมควรสอบครั้งที่ 3 หรือไม่ และเสนอให้ผู้อำนวยการหลักสูตรและคณะกรรมการหลักสูตรของแต่ละหลักสูตรเป็นผู้อนุมัติ
5.10 นิสิตจะต้องส่งวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ที่ผ่านการตรวจและรับรองจากคณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์และผู้อำนวยการหลักสูตร จำนวน 3 เล่ม บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษจำนวน 10 ชุด และบันทึกในรูปแบบซีดีรอมจำนวน 2 แผ่น รวมทั้งบทความ 1 ชุด
5.11 ในกรณีที่นิสิตที่ยังไม่ส่งวิทยานิพนธ์หรือรายงานการค้นคว้าอิสระฉบับสมบูรณ์ ให้ถือว่านิสิตผู้นั้นยังไม่สำเร็จการศึกษา นิสิตจะต้องลงทะเบียนรักษาสถานภาพทุกภาคการศึกษาจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
5.12 ผลงานวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือระดับนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ หรือนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการโดยบทความที่นำเสนอฉบับสมบูรณ์ (Full Paper)ได้รับการตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการ (Proceedings) ดังกล่าว
เกณฑ์การสำเร็จการศึกษา และการอนุมัติปริญญา
- เกณฑ์การสำเร็จการศึกษา นิสิตจะต้องปฏิบัติดังนี้
(1) ประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ต้องเรียนครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนดไว้ในหลักสูตรและต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า
(2) ปริญญาโท
แผน ก แบบ ก 1 เสนอวิทยานิพนธ์และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง และต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้สำหรับผลงานวิทยานิพนธ์ หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์ หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติ หรือระดับนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
แผน ก แบบ ก 2 ศึกษารายวิชาครบถ้วนตามที่กำหนดในหลักสูตร โดยจะต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่าพร้อมทั้งเสนอวิทยานิพนธ์และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง และต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้
ผลงานวิทยานิพนธ์ หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือระดับนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ หรือนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการโดยบทความที่นำเสนอฉบับสมบูรณ์ (Full Paper) ได้รับการตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการ (Proceedings) ดังกล่าว
แผน ข ศึกษารายวิชาครบถ้วนตามที่กำหนดในหลักสูตร โดยจะต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า และสอบผ่านการสอบประมวลความรู้ (Comprehensive Examination) ด้วยข้อเขียนและ / หรือปากเปล่าในสาขาวิชานั้น พร้อมทั้งเสนอรายงานการค้นคว้าอิสระ และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง โดยเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้และรายงานการค้นคว้าอิสระหรือส่วนหนึ่งของรายงานการค้นคว้าอิสระต้องได้รับการเผยแพร่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่สืบค้นได้
(3) ปริญญาเอก
แบบ 1 สอบผ่านการสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying Examination) เพื่อเป็นผู้มีสิทธิขอทำวิทยานิพนธ์ เสนอวิทยานิพนธ์ และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง ซึ่งจะต้องประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภายในและภายนอกสถาบันและต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้
สำหรับผลงานวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการอย่างน้อย 2 เรื่อง
แบบ 1 ศึกษารายวิชาครบถ้วนตามที่กำหนดในหลักสูตร โดยจะต้องได้ระดับคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนน/เทียบเท่า สอบผ่านการสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying Examination) เพื่อเป็นผู้มีสิทธิขอทำวิทยานิพนธ์ เสนอวิทยานิพนธ์และสอบผ่านการสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง ซึ่งจะต้องประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภายในและภายนอกสถาบันและต้องเป็นระบบเปิดให้ผู้สนใจเข้ารับฟังได้หรับผลงานวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ต้องได้รับการตีพิมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ระบบการจัดการศึกษาแบบออนไลน์ |
ปีการศึกษา 2566 มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์มีการจัดการศึกษาแบบออนไลน์ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในสาขาวิชาการจัดการธุรกิจยุคดิจิทัลและสาขาวิชาอื่น ๆ ในบางรายวิชา ด้วยระบบ RPU Online System for Education (ROSE) โดยมีระบบการเรียนการสอนออนไลน์ดังนี้
- การเรียนการสอน ผู้เรียนสามารถกำหนดเวลาการเข้าเรียนของแต่ละรายวิชา โดยเรียนผ่านบทเรียนออนไลน์ในรูปแบบการสอนสด และจากคลิปบันทึกการสอนของอาจารย์ผู้สอน โดยสามารถสืบค้นความรู้จากห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์หรือแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ
- สามารถทำแบบฝึกหัดและสอบผ่านระบบออนไลน์ โดยมีอาจารย์ผู้สอนให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อพัฒนานิสิตอย่างสม่ำเสมอ
- สามารถเข้าเรียนได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครื่องมือติดต่อสื่อสารคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) หรือโทรศัพท์มือถือ (Smart Phone) แท็บเล็ต (Tablet) ซึ่งนิสิตสามารถดำเนินกิจกรรมใน การเรียนการสอน การติดต่อและรับข้อมูลข่าวสารการเรียนการสอนจากผู้สอนและกลุ่มนิสิตด้วยกันได้
ช่องทางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การถาม-ตอบระหว่างผู้สอนกับนิสิต และระหว่างนิสิตกับนิสิต ผ่านช่องทาง เช่น Microsoft Teams, Google Meet, Google Classroom, Zoom, Line, Facebook, Chat Room, Web board, e-Mail
งานทุนการศึกษา สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย |
งานทุนการศึกษา
มีหน้าที่บริการข้อมูลข่าวสารการขอรับสมัครทุนการศึกษาประเภทต่าง ๆ เพื่อช่วยนิสิตให้มีโอกาสได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนให้นิสิตเห็นความสำคัญของการศึกษาเพื่อเพิ่มคุณวุฒิการศึกษา ประกอบอาชีพในอนาคตต่อไป โดยมีทุนประเภทต่าง ๆ ดังนี้
1) ทุนเรียนดี นิสิตที่เข้ามาศึกษาในชั้นปีที่ 1 เมื่อมีการวัดผลประเมินผลการศึกษาแล้วมีค่าเฉลี่ยของคะแนนสะสมระดับ 4.00 จะมีสิทธิ์ขอทุนการศึกษาประเภททุนยกเว้นค่าหน่วยกิต ในภาคการศึกษาต่อไป
2) ทุนทักษะความสามารถ ด้านดนตรี และกีฬาประเภทต่าง ๆ ทางมหาวิทยาลัยจะคัดเลือก เพื่อ รับทุนการศึกษาก่อนเปิดการศึกษาเป็นประจำทุกปีการศึกษา เพื่อรับสิทธิ์ยกเว้นค่าหน่วยกิต จนสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร
3) ทุนนิสิตพิการ เป็นทุนอุดหนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่มอบให้แก่นิสิตที่มีความพิการ แต่ละประเภทและมีบัตรสำหรับผู้พิการ เข้ามาศึกษาในระดับปริญญาตรี โดยได้รับค่าเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษา งานทุนการศึกษาเป็นหน่วยงานประสานและตรวจสอบคุณสมบัติของนิสิต เพื่อส่งหลักฐานในการขอรับทุนให้แก่นิสิตต่อไป
4) ทุนช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสมแต่ละกรณี นิสิตสามารถปรึกษาคณาจารย์ที่ปรึกษาในคณะ/สาขาวิชา หากเกิดปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง ๆ เพื่อนำเสนอการพิจารณาช่วยเหลือจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัยต่อไป
5) ทุนจากมูลนิธิ สถานประกอบการ หน่วยงานภายนอก งานทุนการศึกษามีหน้าที่ประสานกับหน่วยงาน ส่งเอกสารการสมัครทุน โดยมีการประชาสัมพันธ์การให้ทุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทางป้ายประกาศ ข้างห้องสำนักงาน และผ่านช่องทาง Line Official ของสำนักประชาสัมพันธ์
งานกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
มีหน้าที่ให้บริการความช่วยเหลือแก่นิสิตที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ได้รับโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยเข้าร่วมโครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และ (กรอ.) ของรัฐบาล ด้วยการเผยแพร่ความรู้ อำนวยความสะดวกในการให้คำแนะนำแก่นิสิตในมหาวิทยาลัยให้เข้าใจและรับรู้การปฏิบัติตนในการสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อขอกู้ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องกับการศึกษา ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ โดยใช้สถานที่อาคารประชาสัมพันธ์ ตั้งอยู่ตรงข้ามบริเวณหน้าเสาธงให้บริการนิสิต หรือสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-432-6101-5 ต่อ 2102